ดูแลยานยนต์

ถุงลมนิรภัย คือ อะไร ใช้งานเมื่อไหร่ ต้องเปลี่ยนไหม แล้วมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด ผู้พยายามเข้าใจมักเกิ้ล นิยมชมชอบกลางคืน สามารถผูกมิตรได้ด้วยของกินอร่อยๆ ตอนนี้กำลังหลบลี้หนีภัยจากออฟฟิศซินโดรมอยู่

Published February 01, 2024
ถุงลมนิรภัย

จุดเริ่มต้นของถุงลมนิรภัยเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1971 ที่ทางบริษัทฟอร์ดได้สร้างรุ่นทดลองขึ้นมาวิจัย แต่ยังไม่ได้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป จนกระทั่งปี ค.ศ.1975 ถุงลมนิรภัยรุ่นแรกที่ได้ติดตั้งในรถยนต์รุ่น Oldsmobile Toronado สำหรับผู้โดยสารทั่วไปได้ใช้งาน และได้รับการแพร่หลายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ยังไม่เคยรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับถุงลมนิรภัยมาก่อน เอเชียไดเร็ค จะมาอธิบายให้คุณได้เข้าใจไปทีละสเต็ปพร้อมกัน

 

ถุงลมนิรภัย คือ อะไร

ถุงลมนิรภัย คือ อุปกรณ์เสริมความปลอดภัย ที่ได้รับการออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพการป้องกันสูง ซึ่งปัจจุบันการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว ในรถยนต์แต่ละรุ่นมีจำนวนมากขึ้น หลายตำแหน่งมากขึ้น เพื่อให้สามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการป้องกันการกระแทกบริเวณศีรษะและหน้าอก เมื่อเกิดการปะทะหรือเกิดการชนอย่างรุนแรง สำหรับระบบถุงลมนิรภัยทั้งหมดถูกควบคุมโดยเซ็นเซอร์ ECU AIR BAG

 

ประเภทถุงลมนิรภัย

ถุงลมนิรภัยในปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน คือ แบบปรับแรงอัตโนมัติ, แบบประกบ และแบบด้านข้าง โดยแต่ละประเภทจะมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติที่ถูกตั้งค่ามาจากโรงงานผลิต ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้งสามประเภทมีดังนี้

  • ถุงลมนิรภัยแบบปรับแรงอัตโนมัติ (Dual Stage หรือ Advanced): ถุงลมที่มีการทำงานด้วยแรงอัดต่างกันสองแบบ เมื่อมีการชนรุนแรง ถุงลมจะทำงานเต็มที่แบบ 100% แต่ถ้าหากแรงปะทะต่ำ ถุงลมจะทำงานในระดับแรงดันที่ต่ำลง เพื่อลดแรงกระแทกที่ไม่จำเป็นออกไปแทน
  • ถุงลมนิรภัยแบบประกบ (Twin-Chamber): ถุงลมที่มีการปรับปรุงเรื่องขนาด และรูปทรง ให้สามารถรองรับการกระแทกของศีรษะ หรือไหล่ให้เข้ามากระทบกับถุงลมได้ดีขึ้นกว่าเดิม 
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (SABs): เน้นการป้องกันจากด้านข้าง โดยเฉพาะในส่วนของการป้องกันศีรษะ และทรวงอก กรณีที่เกิดแรงปะทะอย่างรุนแรงเข้ามาจากด้านข้าง 

การทำงานของถุงลมนิรภัยด้านหน้า จะขึ้นอยู่กับปัจจัยการผลิตเซ็นเซอร์ของแต่ละรุ่น เพราะมีการตรวจจับแรงกระแทกที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมีปัจจัยพื้นฐานอยู่ประมาณ 4 ข้อด้วยกัน คือ ขนาดของผู้โดยสาร, ตำแหน่งการนั่ง, การใช้เข็มขัดนิรภัย และความรุนแรงของการปะทะ 

 

เซ็นเซอร์ถุงลมนิรภัย อยู่ตรงไหน

 

เซ็นเซอร์ถุงลมนิรภัย อยู่ตรงไหน

เซ็นเซอร์ถุงลมนิรภัย อยู่ตรงไหน คำตอบ คือ เซ็นเซอร์ส่วนใหญ่มักถูกติดตั้งเอาไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ ถ้าหากเป็นถุงลมนิรภัยด้านหน้ามักถูกติดตั้งเอาไว้ส่วนหน้าของตัวรถยนต์ เช่น บริเวณคานกันชนหน้า หรือคานเล็กหลังไฟหน้า เป็นต้น แต่ถ้าหากเป็นถุงลมด้านข้างก็จะมีเซ็นเซอร์ฝังอยู่ที่เสาหรือประตูรถ

 

ถุงลมนิรภัย ต้องเปลี่ยนไหม

ถุงลมนิรภัย ต้องเปลี่ยนไหม เพราะหลายคนที่ยังไม่เคยเจออุบัติเหตุขั้นรุนแรง ทำให้ถุงลมนิรภัยภายในยังไม่เคยทำงาน จนคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน ในกรณีปกติแล้วมันก็ควรจะต้องเป็นแบบนั้น แต่เมื่อในช่วงปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมากรมขนส่งทางบกและสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ได้มีการแจ่งข้อความออกมา ถึงรถยนต์ที่มีการผลิตในช่วงปี พ.ศ.2541-2561 ที่อาจพบปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพ มาตรฐานของถุงลมนริภัยที่ติดตั้งอยู่ภายใน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องทำการเปลี่ยนใหม่ โดยรถยนต์ที่ควรต้องเข้ารับการเช็กเพื่อเปลี่ยนถุงลมนริภัยตามประกาศล่าสุด จะมีอยู่ด้วยกัน 8 รุ่นดังนี้

 

  • Toyota: Toyota Altis รุ่นปี 2001 – 2013, Toyota Vios รุ่นปี 2003 – 2004 / 2007 -2013, Toyota Yaris รุ่นปี 2006-2013, Toyota Camry รุ่นปี 2001-2006, Toyota Alphard รุ่นปี 2008-2014, Toyota Lexus IS รุ่นปี 2006-2012 และ Lexus RX รุ่นปี 2015-2016
  • Mazda: Mazda 2 รุ่นปี 2009 – 2014, Mazda BT-50 รุ่นปี 1998 – 2009, Mazda CX-9 รุ่นปี 2008 – 2012, Mazda RX-8 รุ่นปี 2003 – 2006, Mazda 6 รุ่นปี 2006 และ Mazda Xedos-9 / Eunos 800 รุ่นปี 1996 – 1999
  • FORD: Ford Ranger รุ่นปี 1998 – 1999 / 2004 – 2011 และ Ford Everest รุ่นปี 2006 – 2014
  • CHEVROLET: Chevrolet Cruze รุ่นปี 2011 – 2015, Chevrolet Sonic รุ่นปี 2013 – 2014, Chevrolet Suburban รุ่นปี 2007 – 2008 และ Chevrolet Tahoe รุ่นปี 2013
  • MITSUBISHI: Mitsubishi Triton รุ่นปี 2005 – 2015, Mitsubishi Lancer 2.0 รุ่นปี 2006, Mitsubishi Delica Space Wagon รุ่นปี 2015 และ Mitsubishi Pajero (BK) รุ่นปี 2008 – 2010
  • HONDA: Honda Accord รุ่นปี 1998 – 2000 / 2003 – 2012, Honda City รุ่นปี 1998 – 1999 / 2003 – 2013, Honda Civic รุ่นปี 2001 – 2014, Honda CR-V รุ่นปี 1998 – 2000 / 2002 – 2011 / 2013, Honda Jazz รุ่นปี 2004 – 2006 / 2009 – 2013, Honda Freed รุ่นปี 2009 – 2013, Brio รุ่นปี 2012 – 2014, Honda Stream รุ่นปี 2002 – 2004, Honda Odyssey รุ่นปี 1998 – 1999 / 2004 – 2006 และ Honda Amaze รุ่นปี 2014
  • NISSAN: Nissan March รุ่นปี 2010 – 2011, Nissan Navara รุ่นปี 2006 – 2014, Nissan Tiida รุ่นปี 2006 – 2012, Nissan Sunny Neo รุ่นปี 2000 – 2006, Nissan Teana รุ่นปี 2004 – 2009, Nissan Cefiro รุ่นปี 2000 – 2002, Nissan Almera รุ่นปี 2011, Nissan X-Trail รุ่นปี 2002 – 2005, Nissan Livina รุ่นปี 2015 และ Nissan Patrol รุ่นปี 2003
  • BMW: BMW 1 Series รุ่นปี 208 – 2016, BMW 2 Series รุ่นปี 2013 – 2015, BMW 3 Series รุ่นปี 1996 – 2017, BMW 4 Series รุ่นปี 2013 – 2017, BMW 5 Series รุ่นปี 2000 – 2017, BMW 6 Series รุ่นปี 2012 – 2013, BMW X1 รุ่นปี 2010 – 2017, BMW X3 รุ่นปี 2005 – 2016, BMW X4 รุ่นปี 2016 – 2017, BMW X5 รุ่นปี 2000 – 2018, BMW X6 รุ่นปี 2008 – 2016, BMW M2 รุ่นปี 2015 – 2017, BMW M3 รุ่นปี 2015 และ BMW M4 รุ่นปี 2016 – 2017

 

ถ้าหากคุณเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นใดในลิสต์รายการด้านบนที่เรากล่าวมา แนะนำว่าลองนำเข้าไปเช็กที่ศูนย์บริการดูก่อน ว่าปัจจุบันถุงลมนิรภัยของคุณมีมาตรฐานได้การปกป้องคุณจากอุบัตเหตุได้ตามมาตรฐานที่กำหนดแล้วหรือยัง เพื่อความปลอดภัยทุกการขับขี่ 

 

เซ็นเซอร์ถุงลมนิรภัย ราคาเท่าไหร่

เซ็นเซอร์ถุงลมนิรภัย ราคาเท่าไหร่ คำตอบ คือ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 800 บาท ไปจนถึง 3,000 บาท หรืออาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ที่เราใช้งาน ความหายากง่ายของอะไหล่รถยนต์ในแต่ละรุ่น และความต้องการของตลาด ทั้งนี้ถ้าหากต้องการเปลี่ยนเซ็นเซอร์ถุงลมนิรภัยจริง ๆ ควรได้รับการตรวจเช็กโดยละเอียดจากศูนย์บริการรถยนต์ หรืออู่นอกที่ไว้ใจได้ก่อนอีกทีหนึ่ง เพื่อให้สามารถทำการเปลี่ยนแปลงเซ็นเซอรืได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีดังเดิม

 

ถุงลมนิรภัย ราคาเท่าไหร่

ถุงลมนิรภัย ราคาเท่าไหร่ ปัจจุบันเราสามารถหาซื้อถุงลมนิรภัยได้อย่างง่ายดาย ผ่านแอปพลิเคชัน E-Commerce ทั่วไป โดยมีราคาเพียงไม่กี่ร้อยบาท ไปจนถึงหลายพันบาท แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพ และวัสดุของตัวถุงลมด้วย ฉะนั้นถ้าหากต้องการเปลี่ยนจริง ๆ อย่าลืมศึกษาข้อมูลโดยละเอียด เกี่ยวกับแบรนด์ หรือระดับการปกป้องจากแรงกระแทก ว่าสามารถช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารภายในได้มากน้อยเพียงใด

 

ถุงลมนิรภัย ราคา เท่า ไหร่

 

4 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับถุงลมนิรภัย

4 เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับถุงลมนิรภัย คือ คาดเข็มคัดช่วยเสริมการทำงานของถุงลมได้ดีขึ้น, ท่านั่งที่ช่วยเสริมความปลอดภัย, สัญลักษณ์ถุงลมนิรภัยขึ้นคืออะไร และวางคาร์ซีทอย่างไรให้ปลอดภัยมากขึ้น โดยรายละเอียดในแต่ละข้อควรรู้ มีดังนี้

  • คาดเข็มคัดช่วยเสริมการทำงานของถุงลมได้ดีขึ้น: เพราะถ้าเราไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลงถึง 14% เนื่องจากไม่มีตัวช่วยรั้ง ทำให้ตัวเรากระแทกพวงมาลัยหรือกระจกรถแรงขึ้นกว่าเดิม
  • ท่านั่งที่ช่วยเสริมความปลอดภัย: จะเป็นการนั่งเว้นระยะห่างจากพวงมาลัยประมาณ 25 เซ็นติเมตร เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ถุงลมนิรภัยจะเด้งเข้ามารับแรงกระแทกบนตัวคุณได้แบบพอดีในระยะที่กล่าวมา
  • สัญลักษณ์ถุงลมนิรภัยขึ้นคืออะไร: เป็นการบ่งบอกว่าระบบถุงลมนิรภัยอาจกำลังมีปัญหา อาจทำให้ถุงลมไม่พองตัว เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ ควรได้รับการตรวจเช็กโดยละเอียด
  • วางคาร์ซีทอย่างไรให้ปลอดภัยมากขึ้น: ต้องติดตั้งคาร์ซีทที่เบาะหลังเท่านั้น ไม่ควรติดตั้งที่เบาะหน้า 

 

อ้างอิงข้อควรรู้เกี่ยวกับถุงลมนิรภัยเบื้องต้นจากกรมชนส่งทางบก

 

ถึงแม้ว่าการใช้งานถุงลมนิรภัยจะเกิดขึ้นก่อเมื่อมีอุบัติเหตุปะทะที่รุนแรง และหลายคนคิดว่าอาจไม่ได้ใช้งานมากเท่าไหร่นัก พอมีปัญหาจึงนิ่งนอนใจ ไม่เปลี่ยน ไม่แก้ไข แต่อย่าลืมคิดเผื่ออนาคตว่าถึงเราจะขับขี่ปลอดภัยเพียงใด โอกาสการเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เราไม่ได้เป็นคนกำหนด การเตรียมความพร้อมรับมือให้ปลอดภัยที่สุด คงเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ แน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ควรตัดสินใจเสริมการดูแลคุ้มครองด้วย ประกันรถยนต์ ที่เหมาะสมต่อการใช้งานด้วย ซึ่งทาง เอเชียไดเร็ค สามารถให้คำปรึกษาทุกคนได้แบบตอบโจทย์ และยังมีส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 70% มอบให้คุณอีกด้วย หากสนใจโทรเข้ามาสอบถามโดยตรงได้เลยที่เบอร์ 02-089-2000 เบอร์นี้โทรได้ 24 ชั่วโมง

บทความดูแลยานยนต์
Rabbit Care Blog Image 1047

ดูแลยานยนต์

Crossover คือ รถอะไร แล้วมีความแตกต่างจากประเภทอื่นอย่างไรบ้าง

พอพูดถึงประเภทรถยนต์ที่คุ้นหูในยุคนี้ คงหนีไม่พ้นรถ SUV, Sedan, Hatchback หรือ Crossover อย่างแน่นอน ซึ่ง 3 ประเภทแรกที่เรากล่าวมา มันก็มีความชัดเจนอยู่แล้วภายใต้ชื่อรุ่น
คะน้าใบเขียว
clock icon30/01/2024
Rabbit Care Blog Image 1024

ดูแลยานยนต์

ไฟตัดหมอกมีความสำคัญอย่างไร และแยกออกเป็นกี่ประเภท

โดยปกติแล้วคนที่ซื้อรถยนต์ในปัจจุบันจะมีไฟตัดหมอกติดตั้งมาให้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เพียงแต่บางคนอาจไม่ทราบข้อมูลอย่างแท้จริงว่าไฟตัดหมอก คือ อะไร
คะน้าใบเขียว
clock icon25/01/2024
Rabbit Care Blog Image 1027

ดูแลยานยนต์

ประเภทรถยนต์ในปัจจุบันมีทั้งหมดกี่แบบ และแตกต่างกันตรงจุดไหนบ้าง

เวลาอ่านข่าวรถยนต์ออกใหม่ในตอนนี้ อาจทำให้หลายคนสงสัยว่าประเภทรถยนต์ที่แตกต่างกัน ในความเป็นจริงแล้วมันมีทั้งหมดกี่ประเภท
คะน้าใบเขียว
clock icon11/01/2024