ตั้งศูนย์ถ่วงล้อคืออะไร ต่างกันหรือไม่ ต้องทำเมื่อไหร่ และสลับยางคืออะไร
ไม่ว่าเราจะขับขี่ไปบนเส้นทางแบบไหน ล้อรถยนต์ต้องได้รับแรงกระแทกอยู่เสมอ ทำให้การตั้งศูนย์ถ่วงล้อเมื่อมีสัญญาณบ่งบอก หรือตามระยะเวลาที่เหมาะสม สำคัญอย่างมากต่อการดูแลรักษารถยนต์ของเราให้สามารถเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ใช้งานรถยนต์หลายคนอาจยังมีความสับสนกับคำว่า ตั้งศูนย์ถ่วงล้ออยู่ ทั้งในแง่มุมความหมาย ความสำคัญ และเมื่อไหร่ที่เราควรเข้ารับบริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เพื่อให้ทุกคนสามารถดูแลรถยนต์ได้อย่างครอบคลุมทุกด้าน เอเชียไดเร็ค เลยนำความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อมานำเสนอกัน
ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ คือ อะไร
การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ คือ การตั้งมุมและทดสอบสมดุลของล้อรถยนต์ให้ดีที่สุด โดยจะแยกออกเป็นสองความหมายระหว่างตั้งศูนย์กับถ่วงล้อดังนี้
- ตั้งศูนย์ หมายถึง การตั้งมุมล้อรถยนต์ ทั้งล้อหน้าและหลัง ซึ่งได้รับความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะถ้าสามารถตั้งศูนย์ได้ตรง สัมพันธ์กันอย่างเหมาะสมทั้งสี่ล้อ จะทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องควบคุมทิศทางมากจนเกินไป ช่วยให้ลดวิ่งตรงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการจะตั้งศูนย์ให้ดีต้องมีการปรับมุมองศาให้ถูกต้องตามที่ศูนย์รถยนต์แต่ละรุ่นกำหนดไว้ด้วย
- ถ่วงล้อ หมายถึง การทดสอบสมดุลของล้อรถยนต์ให้ดีที่สุด ผ่านเครื่องถ่วงตรวจสอบว่าล้อมีการแกว่ง หรือสั่นสะเทือนมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าล้อรถขาดสมดุลการถ่วงล้อไป อาจทำให้เสียสมดุลการขับขี่ได้ง่าย รวมถึงการทำให้อายุของยางเสื่อมสภาพไวขึ้นอีกต่างหาก ในปัจจุบันนี้วิธีการถ่วงล้อสามารถได้อยู่ 2 วิธีหลัก คือ ถ่วงด้วยเครื่อง และถ่วงล้อจี้ที่แม่นยำมากกว่า
ทุกครั้งที่เราได้ยินมักจะเป็นคำว่าตั้งศูนย์ถ่วงล้อรวมกันมาเลย ซึ่งอาจจะยังไม่เคยทำความเข้าใจมาก่อนว่ามันมี 2 กระบวนการอยู่ในคำเรียกนี้ แต่ต้องทำต่อเนื่องกันเนื่องจากความสำคัญของทั้งสองกระบวนการนั่นเอง สำหรับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อตามระยะเวลาหรือระยะทางที่เหมาะสม มักจะอยู่ที่ประมาณ 8,000-10,000 กิโลเมตร หรือขึ้นอยู่กับการตรวจเช็กประจำปีด้วยเช่นกัน ดังนั้นการดูแลในส่วนนี้ถือว่าเป็นอีกสิ่งสำคัญที่คนรักรถยนต์ห้ามลืมเด็ดขาด
ความสำคัญของการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
จากด้านบนเป็นเพียงแค่ความหมายของการตั้งศูนย์ถ่วงล้อแบบแยกกันชัดเจน แต่ในทางเดียวกันแล้วความสำคัญของการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ คือ ช่วยให้รถยนต์มีทิศทางการขับขี่ที่ตรง ทำให้ยางรถยนต์สามารถใช้งานได้ยาวนาน ถ้าหากขาดการดูแลตั้งศูนย์ถ่วงล้อไป อาจทำให้รถยนต์ของเราวิ่งไม่ตรงทิศ มุมองศาล้อรถเบี้ยวไปจากเดิม ควบคุมรถได้ยากขึ้น มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติ ฉะนั้นเพื่อให้การขับขี่เป็นไปได้ตามปกติหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้ยางรถยนต์ไม่เสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิม เราจึงต้องดูแลรถยนต์ด้วยวิธีการนี้ตามระยะเวลาที่เหมาะสมนั่นเอง
เมื่อไหร่ที่เราควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
เมื่อไหร่ที่เราควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อ นอกเหนือจากระยะทางที่เหมาะสมตามที่เราได้แนะนำไปเบื้องต้นแล้ว ยังมีสัญญาณที่สามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจน ว่านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้คุณต้องได้รับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ซึ่งจะมีรายละเอียดข้อมูลดังนี้
สัญญาณบ่งบอกว่าต้องไปตั้งศูนย์
สัญญาณบ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่คุณต้องไปตั้งศูนย์รถยนต์ คือ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์แล้วบริเวณล้อรถได้รับความเสียหาย เช่น ชนฟุตบาท หรือ ขอบถนน, เมื่อมีการซ่อมแซม เปลี่ยนชิ้นส่วนระบบช่วงล่าง หรือระบบบังคับเลี้ยว, เมื่อรู้สึกว่าขับขี่ไม่ปกติ เช่น รถขับไม่ตรง พวงมาลัยทำมุมแม้ขับตรง มีเสียงตอนเข้าโค้ง และรถเริ่มเลี้ยวซ้ายขวาไม่เท่ากัน รวมถึงกรณีที่ยางเริ่มสึกหรือมีความเสียหายเกิดขึ้นบางส่วน
สัญญาณบ่งบอกว่าต้องไปถ่วงล้อ
สัญญาณบ่งบอกว่าต้องถ่วงล้อ คือ หลังจากที่มีการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ให้กับรถยนต์ ต้องมีการถ่วงล้ออยู่เสมอ, กรณ๊ที่พวงมาลัยมีอาการสั่นอย่างผิดปกติ และหลังจากที่ไปสลับยางวิ่งแล้วมีอาการสั่นตามมา ต้องได้รับการถ่วงล้ออย่างเร่งด่วน
วิธีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
วิธีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อจะมีใจหลักความสำคัญในขั้นตอนการตั้งศูนย์อยู่ 3 ลำดับมุมด้วยกัน คือ การตั้งมุมโท, มุมแคมเบอร์ และมุมแคสเตอร์ ซึ่งความสำคัญและรายละเอียดการตั้งศูนย์ในแต่ละมุมมีดังนี้
- การตั้งศูนย์มุมโท ส่งผลเรื่องการควบคุมรถเป็นหลัก ตั้งแล้วช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย หากเกิดอาการที่ล้อหน้าหุบ แต่ล้อหลังถ่างออกจะเรียกว่า โทอิน ส่วนการที่ล้อหน้าถ่างล้อหลังหุบ เรียกว่า โทเอาต์ ถ้ารถยนต์มีอาการโทอิน จะทำให้ขอบยางด้านนอกสึกเร็วขึ้น และอาการโทเอาต์ จะทำให้ขอบยางด้านในสึกเร็ว จึงต้องมีการตั้งศูนย์มุมโทให้สม่ำเสมอ
- การตั้งศูนย์มุมแคมเบอร์ เป็นมุมเอียงของล้อแนวดิ่ง ช่วยเรื่องการสึกหรือที่ไม่สม่ำเสมอ ถ้าหากด้านบนของล้อเอียงออกจากตัวรถ เรียกว่า แคมเบอร์บวก ทำให้ยางขอบด้านนอกสึกไว แต่ถ้าด้านบนเอียงเข้าหาตัวรถ เรียกว่า แคมเบอร์ลบ จะทำให้ยางด้านในสึกเร็ว
- การตั้งศูนย์มุมแคสเตอร์ เป็นมุมเอียงของโช้คอัพที่ถูกกำหนดออกมาจากศูนย์รถยนต์ ช่วยเรื่องการหักเลี้ยวและคืนตัวของพวงมาลัย
ตั้งศูนย์ถ่วงล้อราคาเท่าไหร่
ปัจจุบันราคาตั้งศูนย์ถ่วงล้อราคารวมกันจะเริ่มต้นที่ประมาณ 250-600 บาท ขึ้นอยู่กับศูนย์บริการแต่ละแห่งที่อาจคิดค่าแรง และค่าบริการแตกต่างกันออกไป ซึ่งอาจแยกออกมาเป็นราคาตั้งศูนย์ 200-500 บาท และราคาถ่วงล้อ 50-100 บาท เป็นต้น
สลับยาง คือ อะไร
พอรู้จักการตั้งศูนย์ถ่วงล้อไปแล้ว ต้องทำความรู้จักเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสลับยางด้วย ซึ่งการสลับยาง คือ การสับเปลี่ยนตำแหน่งของยางรถยนต์ เพื่อให้เกิดการกระจายการสึกหรอของดอกยางให้สมดุลทั่วทุกล้อ เพื่อให้เกิดการเกาะถนนได้ครบทุกล้ออย่างสม่ำเสมอ โดยการสลับยางมักจะทำเมื่อวิ่งได้ครบระยะทาง 10,000 กิโลเมตร และมีรูปแบบการสลับที่แตกต่างกันออกไปตามการใช้งานดังนี้
- รถที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า เมื่อถึงเวลาสลับยางจะสลับคู่หน้าไปไว้คู่หลัง และสลับหลังมาหน้าแทน
- รถที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง เมื่อถึงเวลาสลับยางจะสลับคู่หลังไปไว้คู้หน้า และคู้หน้าไปไว้ด้านหลัง
- รถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ 4 ล้อ จะมีการสลับที่แตกต่าง คือ สลับฝั่งกันทั้ง 4 เส้น
- กรณีที่เป็นยางรถยนต์แบบมีดอกยางทิศทางเดียวกัน จะสลับเฉพาะฝั่งเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ดอกยางต้องหมุนผิดฝั่ง
ประโยชน์ของการสลับยาง
- ช่วยกระจายความสึกหรอให้สมดุลทั่วทุกยางเหมือนกัน
- ลดค่าใช้จ่ายจากการยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ จากเส้นที่ยังมีดอกยางเหลืออยู่มาสลับการใช้งานอย่างเหมาะสม บวกกับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้ถูกต้อง
- ช่วยให้ประสิทธิภาพการควบคุมรถกลับมาดีดังเดิม เนื่องจากยางเส้นที่ทำการสลับตำแหน่งยังมีดอกยางเหลืออยู่มากกว่า ช่วยให้เราควบคุมรถได้ดีตามปกติ
สรุปการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
สรุปการตั้งศูนย์ถ่วงล้อนั้นมีความสำคัญอย่างมากเมื่อเราใช้งานรถยนต์ถึงระยะที่กำหนด หรือเมื่อมีการสลับยางตามความเหมาะสม ต้องมีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ทุกครั้งด้วย เพื่อให้มุมองศาการขับขี่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ยางรถยนต์ของเราได้รับการกระจายความสึกหรอกให้ทั่วถึงทั้งเส้น ไม่มีมุมไหนที่สึกหรอหนักจนอาจเสี่ยงต่อความเสียหายอย่างรวดเร็ว ช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นด้วย
นอกเหนือจากการดูแลรถยนต์ด้วยการตั้งศูนย์ถ่วงล้อแล้ว เอเชียไดเร็ค ขออนุญาตแนะนำเลยว่าการเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมเอง ก็เป็นส่วนสำคัญที่เราต้องเลือกเพื่อดูแลทั้งตัวรถยนต์ ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารให้ครอบคลุมมากที่สุดเช่นกัน ดังนั้นหากสนใจเลือกประกันรถยนต์ที่พร้อมดูแลคุณได้ดีที่สุดตลอด 24 ชั่วโมง สามารถติดต่อเข้ามาขอรับคำแนะนำได้ที่เบอร์ 02-089-2000 หรือไลน์แอด @asiadirect
นักเขียนรุ่นไฮบริด ผู้พยายามเข้าใจมักเกิ้ล นิยมชมชอบกลางคืน สามารถผูกมิตรได้ด้วยของกินอร่อยๆ ตอนนี้กำลังหลบลี้หนีภัยจากออฟฟิศซินโดรมอยู่
