

อู่ในเครือกรุงเทพประกันภัย
ประกันรถยนต์แต่ละประเภทคุ้มครองอะไร
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
หากใช้บริการของอู่ในเครือกรุงเทพประกันภัย จะมีบริการรถให้ใช้ระหว่างซ่อมไหม?
สำหรับประกันภัยรถยนต์ของบริษัทกรุงเทพประกันภัยนั้นจะยังไม่มีบริการรถสำรองให้ยืมใช้ในขณะที่กำลังซ่อมรถยนต์ของลูกค้า
บริษัทกรุงเทพประกันภัยจะมีให้ความคุ้มครองในเรื่องของอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์เพิ่มเติมด้วยไหม?
ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสปอยเลอร์หรือการตกแต่งสเกิร์ตเพิ่มเติมให้กับรถยนต์ ถ้าหากว่ารถยนต์เกิดความเสียหายขึ้นมาจากอุบัติเหตุ ในกรณีแบบนี้ทางลูกค้าจะต้องแจ้งให้ทางบริษัทฯ ได้ทราบถึงข้อมูล เพื่อที่จะได้ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม แต่ถ้าหากว่าอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์นั้นถูกติดตั้งมาจากโรงงานผลิตเป็นมาตรฐานตามปกติอยู่แล้ว ในกรณีแบบนี้ทางบริษัทฯ จะรับผิดชอบตามความเสียหายที่เกิดขึ้นตามจริง แต่จะไม่เกินจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยได้ระบุไว้ในกรมธรรม์
หากต้องการใช้บริการอู่นอกสัญญา แบบนี้จะต้องดำเนินการอย่างไร?
สำหรับในกรณีนี้ ก่อนที่จะดำเนินการซ่อมรถยนต์ ทางลูกค้าจะต้องนำรถยนต์ไปติดต่ออู่นอกสัญญาที่ลูกค้าเลือกก่อน เพื่อให้ทางอู่นอกสัญญานั้นจัดทำใบเสนอราคาขึ้นมา แล้วลูกค้าจึงค่อยนำรถยนต์เข้ามาติดต่อกับทางบริษัทฯ เพื่อประเมินราคาและตกลงค่าซ่อมแซมให้กับทางลูกค้า และจะต้องอยู่ภายใต้ราคามาตรฐานที่ทางบริษัทฯ นั้นกำหนดไว้ด้วย
ช่องทางในการชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของบริษัทกรุงเทพประกันภัย
บริษัทกรุงเทพประกันภัยมีทั้งหมด 7 ช่องทางในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการชำระเงินค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ได้แก่:
1. การชำระผ่านเว็บไซต์กรุงเทพประกันภัย
โดยจะสามารถชำระเบี้ยประกันออนไลน์ได้ด้วยบัตรเครดิตประเภทวีซ่า (VISA) และมาสเตอร์การ์ด (Master Card) ของธนาคาร ซึ่งในการชำระครั้งแรกนั้นจะต้องมีการลงทะเบียนในระบบรักษาความปลอดภัยออนไลน์ Verified By VISA หรือ MasterCard SecureCode ของในแต่ละธนาคารผู้ออกบัตรด้วย
2. การชำระค่าเบี้ยประกันรถยนต์กรุงเทพประกันภัยผ่านทางบัตรเครดิต
- สามารถผ่อนชำระ 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ เช่น ธนาคารกรุงเทพ (ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 เดือน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซิตี้แบงค์ และบัตรกรุงไทย (ผ่อนชำระนานสูงสุด 6 เดือน)
- สำหรับลูกค้าที่ทำประกันรถยนต์ของกรุงเทพประกันภัยทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นกรมธรรม์ใหม่หรือต่ออายุ และจะต้องมีเบี้ยประกันภัยจำนวน 5,000 บาทขึ้นไป
- โดยกรมธรรม์ประกันภัยนั้นจะต้องมีผลคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 - 31 ธันวาคม 2566 และจะต้องมีการชำระเบี้ยประกันภัยภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
- สามารถกด ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการชำระเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิต จากเว็บไซต์กรุงเทพประกันภัย และทำการส่งแบบฟอร์มที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วมาทางแฟกซ์ 0-2610-2151 หรือกด อัปโหลดแบบฟอร์มการชำระเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิต จากเว็บไซต์กรุงเทพประกันภัย
3. การชำระผ่านค่าเบี้ยประกันรถช่องทางของธนาคารที่กำหนด
ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาติ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ซึ่งจะสามารถเลือกชำระได้ที่เคาน์เตอร์ธนาคาร โดยการกดดาวน์โหลด แบบฟอร์มใบแจ้งชำระเงิน (Pay-in-Slip) จากเว็บไซต์กรุงเทพประกันภัย หรือชำระที่ตู้ ATM ในหมวดหมู่เลือกชำระสินค้าและบริการ หรือทางแอปพลิเคชันธุรกรรมทางการเงินของในแต่ละธนาคาร
4. การชำระผ่านจุดบริการชำระเงินต่าง ๆ
โดยสามารถขอรับแบบฟอร์มใบแจ้งชำระเงิน (Pay-in-Slip) ได้ทางอีเมล [email protected] หรือติดต่อที่เบอร์ 0-2285-8672 และทางไลน์ไอดี Creditcontrol4
- เคาน์เตอร์เซอร์วิส (Counter Service) ทุกสาขา
- เคาน์เตอร์เทสโก้ โลตัส (Tesco Lotus)
- บริการ PAY AT POST ณ ที่ทำการไปรษณีย์ไทย
- Pay Station ที่เคาน์เตอร์ AIS หรือร้าน Telewiz
- True Money และ True Partner
5. การชำระผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ
โดยจะสามารถชำระได้ทั้งแอปพลิเคชัน True Money Wallet หรือแอปพลิเคชัน easyBills ของ 2C2P (Thailand) Co., Ltd.
6. การชำระค่าเบี้ยประกันรถยนต์กรุงเทพประกันภัยโดยตรง
- ผ่านทางเคาน์เตอร์ของฝ่ายบัญชีและการเงินที่ชั้น 6 สำนักงานใหญ่ อาคารกรุงเทพประกันภัย ถนนสาทรใต้
- สาขากรุงเทพประกันภัย
- BKI Care Station หรือจุดบริการประกันภัยภายในห้างสรรพสินค้า
7. การชำระผ่านทางเช็ค แคชเชียร์เช็คหรือตั๋วแลกเงิน
โดยทำการเขียนสั่งจ่าย “บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)” และขีดคร่อมเช็คระบุ A/C Payee Only
อู่ในเครือกรุงเทพประกันภัยมีที่ไหนบ้าง?
ทางลูกค้าจะสามารถนำรถยนต์เข้าซ่อมได้ทันที เพียงแค่มีใบเคลมที่บริษัทฯ ออกให้ แล้วถือไปยังอู่ซ่อมรถหรืออู่ซ่อมรถใกล้ฉัน เพื่อดำเนินการซ่อมรถยนต์ได้ตามปกติ ซึ่งจะสามารถค้นหา อู่ในเครือกรุงเทพประกันภัยได้ทางเว็บไซต์ของบริษัทกรุงเทพประกันภัย โดยจะมีให้เลือกค้นหาทั้งศูนย์ซ่อมมาตรฐาน (อู่ในสัญญา) และศูนย์ซ่อมตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ (อู่ห้าง) หรือจะเลือกค้นหาแบบเจาะจงไปอีกเป็นอู่ชวนซ่อม อู่ซ่อมรถน้ำท่วม รถบรรทุก รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ร้านกระจก หรือรถไฟฟ้า เป็นต้น
และสำหรับการติดต่อขอแจ้งเคลมรถยนต์นั้น ลูกค้าสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 1620 เพื่อสอบถามข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังสามารถทำเรื่องขอเคลมผ่านระบบ iClaim บนเว็บไซต์บริษัทฯ หรือบนแอปพลิเคชัน BKI iCare ได้ด้วย โดยจะต้องเตรียมเอกสารในการแจ้งเคลมรถยนต์ให้ครบถ้วน เพื่อตรวจสอบความคุ้มครอง ได้แก่ หมายเลขกรมธรรม์ ทะเบียนรถยนต์ วัน/เวลา/สถานที่/ลักษณะของการเกิดอุบัติเหตุ และใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับรถที่เอาประกันภัย เป็นต้น
คำแนะนำเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
- ให้รีบโทรแจ้งบริษัทฯ โดยทันที และเก็บหมายเลขรับแจ้งนี้ไว้ เผื่อมีการติดต่อกันในภายหลัง
- แจ้งรายละเอียดที่สำคัญ เช่น หมายเลขกรมธรรม์ ทะเบียนรถยนต์ยี่ห้อ สี รวมทั้งสถานที่เกิดเหตุ และลักษณะของการเกิดอุบัติเหตุ
- ให้รออยู่ตรงจุดที่เกิดเหตุ และไม่ควรเคลื่อนย้ายรถเองหากไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ หรือไม่รู้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด เพราะจะต้องมีหลักฐานประกอบ และจะต้องมีการแจ้งให้ทางบริษัทฯ ทราบเรื่องด้วยเช่นกัน
- ไม่ควรตกลงในเรื่องของค่าเสียหายกับทางคู่กรณีเอง หากไม่แน่ใจในลักษณะของอุบัติเหตุ
- หากมีผู้บาดเจ็บ ให้รีบทำการส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว
- และหลังจากที่ได้รับใบเคลมจากทางบริษัทฯ มาแล้ว ให้ดำเนินการนำรถยนต์เข้าซ่อมกับทางอู่ในเครือกรุงเทพประกันภัย หรืออู่ซ่อมรถที่ลูกค้าต้องการได้เลยทันที
ถ้าหากว่าใบอนุญาตขับขี่รถยนต์หมดอายุ แบบนี้จะยังสามารถแจ้งเรื่องเคลมได้ไหม?
สำหรับในกรณีนี้ ทางลูกค้าจะยังสามารถแจ้งเคลมรถยนต์ได้ตามปกติ ถึงแม้ว่าใบอนุญาตขับขี่รถยนต์จะหมดอายุไปแล้วก็ตาม หรือถ้าหากว่าเป็นกรณีที่ใบเคลมหาย ลูกค้าจะต้องมีการยื่นคำร้องพร้อมกับแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อดำเนินการขอเอกสารฉบับใหม่ โดยที่ทางบริษัทฯ ก็จะมีการพิจารณาและส่งใบเคลมรับรองฉบับสำเนาให้แทน เพื่อนำไปใช้เป็นเอกสารสำคัญในการจัดซ่อมรถยนต์ต่อไปภายในระยะเวลาของกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองไว้ เพื่อสิทธิประโยชน์ของลูกค้าเองด้วย
ระยะเวลาในการพิจารณาและชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
- มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินสด ไม่เกิน 100,000 บาท (ภายใน 20 นาที)
- มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเช็คหรือเงินโอนเข้าบัญชี (ภายใน 3 วันทำการ)
- ในกรณีที่รถเกิดความเสียหายขึ้นโดยสิ้นเชิง (Total Loss) จะมีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ภายใน 7 วันทำการ
- ในกรณีที่รถเกิดหายขึ้นมา จะมีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ภายใน 15 วันทำการ