ปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์คืออะไร เหมาะสมกับใคร และต้องทำอย่างไร

ใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย จนเริ่มรู้สึกว่ารับภาระหนี้รถยนต์ไม่ไหว การปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์นั้นมีค่อนข้างหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงื่อนไข วิธีการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ที่มีให้เลือกมากกว่าที่หลายคนคิด และสุดท้าย เอเชียไดเร็ค จะทำการสรปุอีกครั้งว่าใครบ้างที่กำลังเหมาะกับการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ ถ้าคุณคือหนึ่งคนที่กำลังหาทางออกเกี่ยวกับหนี้รถยนต์ที่คงเหลืออยู่ แนะนำว่าอ่านให้ครบทุกหัวข้อ จะได้หาทางออกที่ดีที่สุดแก่ตัวคุณได้อย่างเหมาะสม

ปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ คือ การเจรจากับผู้ให้บริการไฟแนนซ์ เพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ที่เหลืออยู่ ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์เป็นวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถผ่อนรถยนต์ต่อไปได้ โดยที่ไม่เกิดปัญหาตามมาในอนาคต ส่วนวิธีการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์จะมีอะไรบ้าง หรือเหมมาะสมกับใคร เดี๋ยวช่วงท้ายบทความ เอเชียไดเร็ค มีสรุปให้อีกทีหนึ่ง

คำแนะนำเพิ่มเติม: สิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงในการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์มีอยู่ด้วยกัน 2 ปัจจัย คือ พิจารณาจำนวนเงินที่มีอยู่ว่าสามารถผ่อนชำระหนี้ไหวที่เท่าไหร่ เพื่อมองหาเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ รวมถึงระยะเวลาในการผ่อนชำระภายใต้เงื่อนไขใหม่ เพราะถ้าหากเปลี่ยนเงื่อนไขแล้วยังรับภาระไม่ไหว อาจมีปัญหาใหญ่ตามมาได้เช่นกัน

เงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์นั้นจะขึ้นอยู่กับสถาบันการเงิน หรือไฟแนนซ์ที่ให้บริการ แต่ในขั้นพื้นฐานของเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์จะมีดังนี้

• รถยนต์ต้องมีการจดทะเบียน พร้อมต่อภาษีประจำปีมาจนถึงปัจจุบัน
• มีการผ่อนชำระค่างวดรถยนต์มาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน
• ระยะเวลาขั้นต่ำในการขยายสามารถทำได้ คือ 48 งวด ซึ่งจะรวมกับสัญญาเดิมได้สูงสุดไม่เกิน 96 งวด
• การคำนวณอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ต้องการขยาย โดยมีเงื่อนไขการคำนวณแตกต่างกันออกไปตามบริษัท
• ต้องมีการชำระค่าคงค้างต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนทำการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์
• การปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ต้องมีผู้ค้ำประกันทุกกรณี
• ต้องมีสัญญากรมธรรม์ประกันภัยชั้น 1 ที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
• ต้องนำรถมาถ่ายรูปตัวรถ ถ่ายหมายเลขเครื่อง และหมายเลขตัวถึง
  
  

นอกเหนือจากเงื่อนไขทั้งหมดที่กล่าวมา จุดเปลี่ยนสำคัญก่อนที่เราจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์มีใจความสำคัญอยู่ที่เราต้องไม่เคยค้างค่างวด หรือยังไม่เคยสร้างหนี้เสียมาก่อน เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้สามารถจัดการภาระหนี้รถยนต์ตรงนี้ ให้เป็นไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์การเงินของเรา ตามระยะเวลาและเงื่อนไขที่แต่ละบริษัทกำหนด

วิธีการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ มีอยู่ทั้งหมด 2 วิธีด้วยกัน คือ ขอเปลี่ยนเป็นการผ่อนแบบขั้นบันได และขยายเวลาชำระหนี้ ซึ่งในแต่ละวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ทำให้มีความเหมาะสมที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นหากใครกำลังมองหาวิธีที่ดีต่อสถานการณ์การเงินของตัวเองมากที่สุด ลองไปหาคำตอบดูได้เลยจากทั้งหมดที่ เอเชียไดเร็ค เตรียมมานำเสนอ

• เปลี่ยนเป็นการผ่อนแบบขั้นบันได การปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์แบบเปลี่ยนไปผ่อนขั้นบันได หมายถึงการเลือกผ่อนจำนวนน้อย ๆ ในช่วงที่การเงินของเรากำลังมีปัญหา และเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย จะมีการปรับมาให้ผ่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในรูปแบบขั้นบันได แต่หลังจากที่ผ่านช่วงเบามาแล้ว เราอาจต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้น จึงต้องมีการวางแผนเอาไว้อย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเงินภายหลังอีก
• ขยายเวลาชำระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์แบบขยายเวลาชำระหนี้ เพื่อให้จำนวนงวดในการผ่อนรถเพิ่มขึ้นมาจากเดิม ทำให้เราแบกรับภาระในแต่ละรอบเดือนน้อยลงกว่าที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้อย่าลืมเงื่อนไขสำคัญว่าถ้าเราเลือกวิธีปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์วิธีนี้ จะมีเงื่อนไขที่ไม่สามารถขยายระยะเวลาผ่อนได้เกิน 96 งวดรวมของเดิมด้วย ฉะนั้นคิดคำนวณค่างวด วางแผนรายจ่ายให้ดี ว่าระยะยาวค่างวดเท่านี้จะไหวไหม มีหนี้ติดตัวด้วยระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับเรา

ปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์เหมาะกับใคร ต้องแยกแยะก่อนว่าสถานการณ์การเงินของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ซึ่ง เอเชียไดเร็ค จะลองยกตัวอย่างผ่านวิธีการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ทั้ง 2 วิธีที่เราแนะนำในหัวข้อด้านบนดังนี้

• เปลี่ยนเป็นการผ่อนแบบขั้นบันได: เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาการเงินแบบเร่งด่วน จึงต้องปรับค่างวดให้เหลือน้อยมากที่สุดในทันที แต่ทั้งนี้ต้องเป็นคนที่สามารถวางแผนแก้ปัญหาระยะยาวเมื่อต้องเจอค่างวดที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ได้ด้วยเช่นกัน
• ขยายเวลาชำระหนี้: เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาการเงินไม่มากเท่าไหร่นัก ยังพอจะผ่อนรถไหว แต่อาจจะต้องการลดภาระลงเล็กน้อย แต่ใช้เวลาในการจัดการหนี้ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะจำนวนงวดเพิ่มขึ้นนั่นเอง
  
  

เมื่อมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์เรียบร้อยแล้ว ลองวางแผนกับตัวเองดูก่อนว่าเหมาะสมกับวิธีการไหนมากที่สุด เพื่อให้การติดต่อกับบริษัทไฟแนนซ์ราบรื่น และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วที่สุด หรือหากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ตามความต้องการ

นอกเหนือจากการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ที่เราแนะนำมาทั้งหมด ยังมีวิธีแก้ปัญหาอื่น ๆ เมื่อผ่อนรถไม่ไหวด้วย เช่น รีไฟแนนซ์ค่างวดรถ, เปลี่ยนโอนสิทธิ์ผู้เช่าซื้อหรือเปลี่ยนชื่อคนผ่อนรถ และคืนรถให้ไฟแนนซ์ ถ้าใครที่คิดว่าการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์ยังไม่ใช่ทางที่เหมาะสมสำหรับเรา ลองดูรายละเอียดวิธีแก้ปัญหาทั้ง 3 ก่อนได้ดังนี้

• รีไฟแนนซ์ค่างวดรถ: ไม่ว่าจะรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินเดิม หรือสถาบันการเงินอื่น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขดอกเบี้ยที่ดีที่สุดที่เราได้รับ รวมถึงระยะเวลาผ่อนชำระที่เพิ่มขึ้นด้วย
• เปลี่ยนโอนสิทธิ์ผู้เช่าซื้อหรือเปลี่ยนชื่อคนผ่อนรถ: เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเก็บรถคันนี้ไว้แล้ว แต่อยากรักษาประวัติเครดิตเอาไว้ให้อยู่ในเกณฑ์ดี จึงต้องมีการเปลี่ยนสัญญาให้คนอื่นเข้ามาผ่อนต่อ เมื่อผ่อนหมดก็ถือเป็นการส่งต่อรถให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของคนถัดไป
• คืนรถให้ไฟแนนซ์: หากรู้ตัวว่าผ่อนรถไม่ไหวในช่วงที่เริ่มสายเกินไปแล้ว ให้รีบติดต่อไฟแนนซ์เพื่อทำการขอคืนรถอย่างเร่งด่วน อย่างน้อยถ้าหากไฟแนนซ์นำรถไปขายได้ราคาที่ดี จะได้ช่วยลดภาระที่เหลืออยู่มากหน่อย และอย่าลืมเตรียมเงินชำระค่าคงค้างอื่น ๆ ไว้ด้วย
  
  

ไม่ว่าอย่างไรหากเราเริ่มเข้าสู่ช่วงสถานการณ์การเงินที่ไม่สามารถผ่อนรถได้ไหวเหมือนเดิม ให้รีบติดต่อไฟแนนซ์อย่างเร่งด่วนเพื่อสอบถามหาทางออก หาวิธีแก้ไขปัญหา ให้เราสามารถรักษาเครดิตและไม่กลายเป็นหนี้เสียไปก่อน

การปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์นั้นเหมาะสมกับคนที่เริ่มผ่อนรถไม่ไหว ใครที่ยังสามารถผ่อนได้อย่างไร้ปัญหา อย่าเพิ่งนำเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้รถยนต์มาคิดให้ปวดหัว เพราะถ้าผ่อนไหวอยู่แล้ว แต่ดันไปเพิ่มเงื่อนไขการผ่อนให้ยุ่งยากมากขึ้น จากที่ไม่มีปัญหา อาจกลายมาเป็นปัญหาได้ในระยะยาว ฉะนั้นมองหาวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับไว้ก่อนจะดีที่สุด จากนั้นให้ทางไฟแนนซ์ช่วยสรุปออกมาเป็นเงื่อนไขให้ว่าเราสามารถรับมือได้มากน้อยแค่ไหน

พอช่วงเวลาภาระหนักผ่านพ้นไปแล้ว เอเชียไดเร็ค อยากแนะนำว่าการทำประกันรถยนต์ก็เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสถานการณ์ทางการเงินด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากเรานำรถยนต์ออกไปขับขี่จนเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ก็จะมีประกันรถยนต์นี่แหละ ที่คอยช่วยดูแลทั้งค่ารักษา ค่าความเสียหายทรัพย์สิน ค่าซ่อมรถยนต์ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ เราไม่ต้องแบกรับภาระแต่เพียงผู้เดียว

ซึ่งถ้าคุณกำลังตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่เหมาะสม ลองให้ เอเชียไดเร็ค แนะนำดูได้เลย รับรองว่าได้ประกันที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน โดยคุณสามารถติดต่อเข้ามาสอบถามได้ที่เบอร์ 02-089-2000 ตอนนี้เรามีขอเสนอพิเศษ ส่วนลดสูงสุด 70% และผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือน