5 ความหมายของสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ที่เราควรรู้ไว้
ทุกวันในการใช้รถ สิ่งแรกที่เห็นเป็นอันดับแรกคือ หน้าปัด ใช่ไหมคะ แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าหน้าปัดไว้ดูแค่ ความเร็ว, น้ำมัน เท่านั้นเอง จริงๆแล้วบางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วหน้าปัดรถของเรามีไฟแจ้งเตือนสามารถบอกได้ว่ารถของเราประสบปัญหาอะไรอยู่ เพราะสัญลักษณ์บนหน้าปัดรถแต่ละตัวนั้นมีความหมายที่แตกต่างกันไป วันนี้เราค่อยๆมาทำความรู้จักกันทีละตัวเลยค่ะ
สัญญาณเตือน บนคอนโซลจะแบ่งออกเป็น 3 สี
สีเขียว
หมายถึงเรากำลังใช้งานฟังก์ชั่นใดของรถอยู่ เช่น เปิดไฟตัดหมอก
สีเหลือง
หมายถึงมีอะไรบางอย่างในรถที่กำลังพร่องหรือใกล้จะหมด แต่ยังคงทำงานได้อยู่ ควรรีบตรวจสอบ
สีแดง
หมายถึงส่วนหนึ่งส่วนใดนั้นกำลังมีปัญหาอย่างรุนแรง ควรรีบจอดรถและดับเครื่องยนต์ในทันที พร้อมติดต่อช่างโดยด่วน
สัญญาณเตือน ที่คนใช้รถต้องใส่ใจและจดจำมีอยู่ด้วยกัน 5 สัญลักษณ์
แบตเตอรี่
หลายคนยังเข้าใจผิดว่า อาการแบตเตอรี่เสื่อม จะปรากฏตัวสัญลักษณ์สีแดงนี้ขึ้นมา จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดค่ะ เพราะสัญลักษณ์นี้จะแสดงขึ้นมา ก็ต่อเมื่อการทำงานของไดร์ชาร์จมีความผิดปกติ ไม่จ่ายไฟเข้าไปเก็บที่แบตเตอรี่หรือไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์ เมื่อเห็นสัญลักษ์ไฟตัวนี้แสดงขึ้นมา แสดงว่าเราต้องนำรถเข้าศูนย์เพื่อซ่อมตัวไดร์ชาร์จนะคะ
น้ำมันเครื่อง
สัญญาณเตือนรูปกาน้ำมันเครื่องขึ้นโชว์ สตาร์ทรถแล้วไฟเตือนไม่ดับ หรือดับๆ ติดๆ นั่นจะแสดงขึ้นมาเมื่อระดับน้ำมันเครื่องต่ำมาก ให้รีบตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องแล้วเติมให้อยู่ในระดับปกติทันที แต่ก็สามารถมีโอกาสเป็นอาการอื่นได้ เช่น ถ้าเช็คแล้วน้ำมันเครื่องไม่ขาด แต่สัญลักษณ์แสดงขึ้นมา ถ้าแบบนี้ก็เป็นไปได้ว่า ตัวปั๊มน้ำมันเครื่องอาจมีปัญหา ไม่มีแรงดันน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงตามจุดต่างๆ ก็อาจทำให้มีการแจ้งเตือนได้เช่นกันนะคะ
ABS
ไฟเตือนรูป ABS ไฟนี้ก็ควรจะดับเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว ถ้าไม่ดับแสดงว่า ระบบป้องกัน
ล้อล็อกตายขณะเบรกของคุณมีปัญหา สัญลักษณ์นี้ก็จะแสดงขึ้นมา ให้นำรถเข้าตรวจสอบกับศูนย์บริการหรืออู่ แต่ระบบเบรกยังสามารถใช้งานได้ปกติอยู่ เพียงแต่เมื่อมีการเบรกกะทันหัน ระบบ ABS อาจจะไม่ทำงานเท่านั้นเองค่ะ แต่ต้องจำไว้ว่า “ห้ามเบรกกะทันหันเด็ดขาด”
เบรก
สัญลักษณ์เบรกนี้ ส่วนใหญ่จะขึ้นใน 2 กรณีคือ เมื่อมีการดึงเบรกมือ หรือลดเบรกมือยังไม่สุด สัญลักษณ์นี้ก็จะติดขึ้นมา แต่ถ้าลดเบรกมือแล้วยังไม่ดับ คงต้องตรวจสอบระบบเบรก ซึ่งอย่างแรกที่ต้องดูคือระดับน้ำมันเบรก เพราะส่วนใหญ่แล้วสัญลักษณ์จะแจ้งเมื่อน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติ แต่สำหรับบางรุ่นจะแยกกันระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือไว้แยกจากกัน โดยระบบเบรกจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรกมือ จะเป็นตัว P ค่ะ
เครื่องยนต์
ไฟรูปเครื่องยนต์ สำคัญที่สุด เพราะถ้าเครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้ว ไฟรูปนี้ไม่ดับ แสดงว่าเครื่องยนต์ของคุณอาจมีปัญหา เพราะตัวนี้ตัวเดียวอาจแจ้งความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ค่าอ็อกซิเจนผิดปกติ, สายพานเกินระยะกำหนด, ตัว ECU มีปัญหา ในส่วนมากรถที่มีไฟเครื่องยนต์ติดขึ้นมา จะขับได้อีกระยะหนึ่งเท่านั้น และบางทีอาจไม่สามารถขับได้เกินกว่า 40-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ผู้ใช้งานควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายไปมากกว่าเดิมค่ะ
ระบบเตือนความร้อน
สัญญลักษณ์รูปเทอร์โมมิตเตอร์สีแดง เตือนให้รู้ว่าขณะนี้เครื่องยนต์ร้อนผิดปกติ สาเหตุที่ทำให้ความร้อนขึ้นสูงเป็นได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นท่อยางน้ำรั่ว หม้อน้ำรั่ว พัดลมระบาย ความร้อนไม่ทำงาน แต่อย่างไรก็ตามให้รีบจอดรถดับเครื่องยนต์ เปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อระบายความร้อน และห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในทันที ที่สำคัญไม่ควรฝืนขับต่อไปเพราะจะทำให้ฝาสูบโก่ง ต้องเรียกรถมาลากไปเท่านั้น
สัญลักษณ์ไฟเตือนนี้ เป็นไฟเตือนเบื้องต้นที่รถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีอยู่ แต่สำหรับบางรุ่น อาจจะมีแตกต่างกันไป ดังนั้นการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นด้วยการอ่านคู่มือประจำรถเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น เราสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ก่อนจะนำรถเข้าซ่อมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้นได้ค่ะ
แต่บางครั้งเราไม่อาจหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ ถ้าเกิดรถเสียระหว่างทางแล้วไม่สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้เอง คงต้องพึ่งการช่วยเหลือจากบริการของประกันรถยนต์ โดยเฉพาะบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นแปลว่าถ้าเรามีประกันที่ดูแลอย่างครอบคลุม ก็จะสามารถเดินทางได้อย่างอุ่นใจตลอดเวลานั่นเอง สนใจทำประกันรถยนต์ที่คุณเองก็เลือกได้ ว่าต้องการการคุ้มครองด้านไหน สามารถเข้าไปเปรียบเทียบ พร้อมรับขอเสนอสุดพิเศษเฉพาะคุณ ด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 70% ได้ที่ https://asiadirect.co.th/ หรือ 02-089-200
Writer ที่อยากเขียนทุกเรื่องราวบนโลก เพื่อหวังจะยกระดับความรู้ในสมองให้เติบโตอย่างช้าทีละนิด ชื่นชอบเทคโนโลยี ความสมัยใหม่ พร้อมอัปเดตทุกอย่างให้โลกได้รู้ผ่านสมองและสองมือ