ประกันรถยนต์ชั้น 1
คุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี

ราคาเริ่มต้นเพียง 7,100 บาท
ประหยัดสูงสุดถึง 70%

ประกันรถยนต์ชั้น 1 จาก Asia Direct Broker

คนใช้รถต้องรู้กับสัญญาณไฟเตือนรถแต่ละสัญลักษณ์ มีความหมายว่าอย่างไร

เวลาที่เราสตาร์ทรถยนต์เรามักจะได้เห็นไฟเตือนรถปรากฏขึ้นมาบนหน้าปัด และหายไปเมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติด หรือบางครั้งเราอาจเห็นไฟเตือนรถโชว์ค้างอยู่บนหน้าปัด ทั้งกรณีที่ยังสามารถขับขี่ได้ตามปกติ หรือบางกรณีก็เกิดขึ้นตอนที่รถสตาร์ทไม่ติด เนื่องจากไฟเตือนรถแต่ละสัญลักษณ์บ่งบอกความหมายถึงปัญหาแตกต่างกันออกไป และยังมีการแบ่งแยกสัญลักษณ์ออกเป็นหลายสี เพื่อแสดงถึงสถานะของระบบแต่ละส่วนอีกต่างหาก ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับไฟเตือนจะมีอะไรบ้างนั้น เอเชียไดเร็ค ได้เตรียมเนื้อหามานำเสนอกันอย่างครบถ้วน ดังหัวข้อย่อยทั้งหมดในบทความนี้

ไฟเตือนรถมีกี่สี

ไฟเตือนรถมีทั้งหมด 3 สีด้วยกัน คือ แดง, เหลือง และเขียวหรือฟ้า โดยแต่ละสีจะบ่งบอกสถานะของระบบต่าง ๆ ได้ไม่เหมือนกัน โดยรายละเอียดสถานะของไฟเตือนทุกสีมีดังนี้

  • ไฟเตือนรถสีแดง: แจ้งถึงระบบมีปัญหาและการบ่งบอกว่าคุณไม่ควรขับขี่เมื่อไฟเตือนสีแดงปรากฎขึ้นมา เนื่องจากอาจทำให้ตัวรถยนต์เกิดความเสียหาย หรือเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพราะระบภายในรถยนต์ไม่พร้อมใช้งานตามปกติ ทางที่ดีควรนำรถเข้าจอดบริเวณที่ปลอดภัยเพื่อตรวจสอบเบื้องต้นตามความหมายของไฟเตือนอีกทีหนึ่ง
  • ไฟเตือนรถสีเหลือง: แจ้งถึงระบบบางส่วนในรถยนต์กำลังมีปัญหาในขั้นตอน หรือเกิดความผิดปกติขึ้นภายใน อาจจะยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่เมื่อสบโอกาสควรนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบโดยเร็วเช่นกัน
  • ไฟเตือนรถสีเขียวหรือฟ้า: บ่งบอกถึงสถานะการทำงานในระบบรถยนต์ที่กำลังทำงานอยู่

ความหมายทั้งหมดสัญลักษณ์ไฟเตือนรถ

ความหมายทั้งหมดของสัญลักษณ์ไฟเตือนรถ เราจะแบ่งออกเป็น 3 หมวดย่อยตามสีทั้งหมดที่กล่าวไปในเนื้อหาด้านบน ว่าแต่ละสัญลักษณ์มีความหมายว่าอย่างไร

1. สัญลักษณ์ไฟเตือนรถสีเขียวหรือฟ้า

สัญลักษณ์ไฟเตือนรถสีเขียวหรือฟ้า มีความหมายถึงสถานะของระบบต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นในสีนี้กำลังทำงานอยู่ตามปกติ ไม่ได้เป็นสัญญาณเตือนอันตรายหรือสัญญาณที่เราต้องทำการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด โดยสัญลักษณ์ไฟเตือนในหมวดสีฟ้าหรือเขียว จะมีอยู่ด้วยกัน 3 สัญลักษณ์ดังนี้

  • รูปไฟตัดหมอกหน้า ที่แสดงสถานะเป็นไฟเตือนสีเขียวว่าไฟตัดหมอกกำลังถูกเปิดใช้งานอยู่ ซึ่งมักจะถูกใช้งานก็ต่อเมื่อเรามองไม่เห็นพื้นผิวถนน โดยเฉพาะในกรณีที่ฝนตกหนัก หรือมีหมอกลงหนาจัด
  • ระบบไฟหรี่ ไฟเตือนสีเขียวที่แสดงสถานะการเปิดไฟหน้ารถยนต์แบบเบาที่สุด เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงตำแหน่งรถของเรา
  • ไฟสูง จะแสดงเป็นไฟเตือนสีฟ้า ที่บ่งบอกถึงการเปิดใช้งานไฟสูงหน้ารถ ความเหมาะสมในการใช้งานจะเน้นใช้ช่วงกลางคืนที่มองไม่เห็นทางเป็นหลัก

2. สัญลักษณ์ไฟเตือนรถสีแดง

สัญลักษณ์ไฟเตือนรถสีแดง คือ ไฟเตือนที่บ่งบอกว่าเราไม่ควรขับรถในกรณีที่มีไฟเตือนสีนี้ปรากฎขึ้นบนหน้าปัดรถยนต์ เนื่องจากเป็นการแสดงถึงสถานะระบบภายในรถยนต์ที่กำลังมีปัญหา ถ้าฝืนขับต่อไปอาจเกิดความเสียหายหรือเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นเราจึงควรนำรถเข้าเช็กความผิดปกติเพื่อแก้ไขปัญหาก่อนที่จะทำให้รถยนต์เสียหายมากกว่าเดิม สำหรับรายละเอียดสัญลักษณ์ไฟเตือนสีแดงทั้งหมดมีดังนี้

  • ไฟเตือนรถให้คาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งมีเป็นปกติในรถยนต์รุ่นปัจจุบัน เป็นไฟเตือนสัญลักษณ์คนคาดเข็มขัดสีแดงปรากฎขึ้นบนหน้าจอ หมายความว่าให้ผู้ขับขี่ หรือผู้โดยสารเบาะหน้าทำการคาดเข็มขัดให้เรียบร้อย ไฟและเสียงเตือนถึงจะดับลง
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์ถุงลม โดยทั่วไปแล้วจะโชว์ขึ้นมาทุกครั้งที่เราสตาร์ทรถ แต่ถ้าไฟเตือนสัญลักษณ์นี้ปรากฎขึ้นมาตลอดเวลาแม้จะสตาร์ทรถแล้ว แปลว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นที่ระบบการทำงาน ECU AIR BAG ควรรีบตรวจสอบเพื่อแก้ไขหรือเปลี่ยนใหม่โดยด่วน
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์แบตเตอรี ถ้าไฟเตือนรายการนี้โชว์ขึ้นมาบนหน้าปัด หมายความว่าระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ของคุณกำลังมีปัญหา ซึ่งอาจเป็นได้หลายระบบ เช่น แบตมีไฟไม่เพียงพอ หรือระบบชาร์จกำลังมีปัญหา ถ้าสัญลักษณ์นี้โชว์ขึ้นมาเวลาใดก็ตาม ควรลดการใช้ไฟฟ้าภายในห้องโดยสารให้มากที่สุด จากนั้นขับไปอู่หรือศูนย์บริการใกล้เคียงเพื่อให้ช่างวิเคราะห์การซ่อมแซมเพิ่มเติม
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์เครื่องหมายตกใจ หมายถึงเบรกมือยังคงทำงานอยู่ ให้เราปลดเบรกเมื่อเพื่อให้ไฟเตือนนี้หายไป แต่ถ้าหากปลดเบรกมือแล้วยังมีไฟเตือนแสดงค้างไว้ แปลว่าระบบเบรกกำลังมีปัญหาไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง ต้องให้ช่างช่วยเช็กอีกที
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์ ABS แปลว่าระบบล็อกล้อกำลังเกิดปัญหาขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในส่วนของเบรกรถลดลงกระทันหัน ควรรีบเข้าอู่หรือศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดทันที
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์ประตูรถ หมายความว่ามีประตูรถฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่ยังปิดไม่สนิท ให้ทำการตรวจสอบและปิดอีกครั้ง
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์กาน้ำมัน เป็นการบ่งบอกว่าน้ำมันเครื่องมีปัญหา ถ้าปรากฎขึ้นมาในตอนที่กำลังขับขี่ ให้รีบเข้าจอดริมทางอย่างปลอดภัย และดับเครื่องยนต์เพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์ไว้ก่อน เนื่องจากไฟเตือนสัญลักษณ์นี้มีปัญหาต่อเครื่องยนต์โดยตรง ซึ่งค่อนข้างเสี่ยงทำให้เครื่องพัง
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์เทอร์โมมิเตอร์ แปลว่ารถของคุณกำลังมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นจนอยู่ในเกณฑ์อันตราย ควรนำรถจอดที่จุดพักรถเพื่อให้อุณหภูมิกลับมาเป็นปกติ นอกเหนือจากนั้นไฟเตือนสัญลักษณ์นี้ยังสื่อถึงการที่ระบบพัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน ไม่ก็น้ำยาหล่อเย็นขาดหรือรั่วได้ ห้ามฝืนขับต่อไปเด็ดขาดเมื่อเห็นไฟเตือนนี้

3. สัญลักษณ์ไฟเตือนรถสีเหลือง

สุดท้ายเป็นสัญลักษณ์ไฟเตือนรถสีเหลือง ที่เปรียบเสมือนการบ่งบอกถึงความผิดปกติในบางระบบของรถยนต์ ซึ่งอาจจะยังสามารถขับขี่ได้อยู่ แต่ควรได้รับการแก้ไขปัญหาโดยเร็วเช่นกัน สำหรับไฟเตือนสีเหลืองนั้นมีด้วยกันประมาณ 4 สัญลักษณ์พื้นฐานดังนี้

  • ไฟเตือนรถตู้น้ำมัน เป็นการเตือนผู้ขับขี่ว่ารถของคุณน้ำมันใกล้หมดแล้ว ถึงแม้จะยังสามารถขับต่อได้ แต่ควรต้องหาปั๊มใกล้เคียงเพื่อเติมน้ำมันให้เรียบร้อย หากขับต่อไปในระยะเฉลี่ยประมาณ 10-30 กิโลเมตร อาจทำให้น้ำมันหมดและรถดับได้
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์เครื่องยนต์ เมื่อปรากฏขึ้นมาแล้วสามารถสื่อได้ถึงปัญหาเครื่องยนต์หลายส่วน เช่น ตัวกล่อง ECU, ระบบการจุดระเบิดเครื่องยนต์, ค่าออกซิเจนผิดปกติ และปัญหาอื่น ๆ ที่เมื่อเห็นไฟเตือนนี้แล้วควรรีบจอลงคิวเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบได้เลยทันที
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์น้ำมันเครื่อง หมายถึงน้ำมันเครื่องกำลังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ ควรได้รับการตรวจสอบหรือเติมให้อยู่ในระดับปกติโดยเร็ว
  • ไฟเตือนรถสัญลักษณ์การควบคุมการทรงตัว จะโชว์ขึ้นมาบนหน้าปัดรถยนต์เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจพบว่ารถกำลังสูญเสียการทรงตัว หรือผู้ขับขี่เผลอกดปิดระบบนี้ด้วยตัวเอง เพราะตามปกติแล้วระบบนี้จะเริ่มทำงานขึ้นเองตั้งแต่ตอนสตาร์ทรถเลย

ทั้งหมดคือ<a href="https://www.gcc.go.th/?p=125589"rel="nofollow,noopener,noreferrer">ไฟเตือนสัญลักษณ์ในแต่ละสีที่เราควรรู้ความหมาย โดยอ้างอิงข้อมูลจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อคอยสังเกตที่หน้าปัดรถยนต์เมื่อถึงเวลาที่มีสัญลักษณ์ไฟเตือนรถอะไรปรากฎขึ้นมา เราจะได้เตรียมพร้อมรับมืออย่างถูกต้อง ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หรือเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้รถยนต์ของคุณพัง ดังนั้นอย่าลืมจดจำไฟเตือนรถเหล่านี้เอาไว้ให้ดี

และถ้าหากกังวลว่าเวลาที่เกิดปัญหาขึ้นมาบนท้องถนน จนต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินจะทำอย่างไรดีนั้น เอเชียไดเร็ค อยากแนะนำให้ผู้ใช้งานรถยนต์ทุกท่าน ซื้อประกันรถยนต์ที่เหมาะสมต่อการใช้งานเผื่อเอาไว้ เพื่อกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ จะได้มีคนคอยช่วยเหลือดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแน่นอนที่ เอเชียไดเร็ค มีบริการนั้นให้อยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลเลย แถมตอนนี้เรายังมีข้อเสนอพิเศษให้เพิ่มเติม เช่น ส่วนลดสูงสุด 70% หรือผ่อน 0% นาน 10 เดือน สนใจซื้อประกันรถยนต์แบบไหน ลองเข้ามาขอคำปรึกษาได้ที่ไลน์แอด @asiadirect หรือติดต่อสอบถามโดยตรงที่เบอร์ 02-089-2000 โทรได้ทุกวันทุกเวลา

ความคุ้มครองรถประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท

บริษัท เอเชียไดเร็ค อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด
626 อาคารบีบีดี (พระราม 4) ชั้น 11 ถนนพระราม 4 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 โทร. 1438 หรือ 02-022-1222

บริษัท เอเชียไดเร็ค อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด ใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัย เลขที่ ว00012/2546 โดยในการซื้อสินค้าประกันภัยขอให้ลูกค้าโปรดทำความเข้าใจรายละเอียดของกรมธรรม์ก่อนตัดสินใจทำประกันภัย