วิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้ามีทั้งหมดกี่แบบ ใช้เวลากี่ชั่วโมง ถ้าจะติดตั้งที่บ้าน ราคาเท่าไหร่
เคยสงสัยกันไหมว่าวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้ามีทั้งหมดกี่แบบ ซึ่งแต่ละแบบมีรายละเอียดแตกต่างกันมากแค่ไหน จะต่างกันเฉพาะเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือต่างกันทั้งเครื่อง ทั้งสายชาร์จรถไฟฟ้า เดี๋ยว เอเชียไดเร็ค จะพาทุกคนไปหาคำตอบเกี่ยวกับวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างครบถ้วน พร้อมแนะนำให้ด้วยว่าปัจจุบัน ev charger ยี่ห้อไหนดี น่าสนใจ แบตรถไฟฟ้า ราคาเท่าไหร่ และรถไฟฟ้า วิ่งได้กี่กิโลกันแล้วในปัจจุบันนี้ ใครสนใจข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟฟ้า หรือวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ รับรองครบถ้วนทุกรายละเอียดแน่นอน
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าเบื้องต้น จะมีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน คือ แบบธรรมดา (Normal Charge), แบบ AC (Alternating Current) และ แบบ DC (Direct Current) โดยรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ล้วนแตกต่างกันในเรื่องของระยะเวลาการชาร์จ และประจุที่รับได้แตกต่างกันออกไป ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดมีดังนี้
- แบบธรรมดา (Normal Charge)
วิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าแบบธรรมดา (Normal Charge) จะเป็นการใช้งานสายชาร์จรถไฟฟ้าที่ติดมากับตัวรถ ซึ่งจะเป็นการชาร์จแบบกระแสสลับจากเต้าเสียบ ทำให้มีโอกาสเกิดความร้อนสะสมสูง ดังนั้นไม่ควรใช้งานเป็นระยะเวลานาน เว้นแต่ว่ามีความจำเป็นต้องใช้อย่างเร่งด่วน หรือหากต้องการใช้งานจริง ๆ ต้องใช้กับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะ ถึงจะเกิดความปลอดภัยและใช้งานได้นานต่อเนื่อง
- แบบ AC (Alternating Current)
วิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าแบบ AC (Alternating Current) หรือแบบ Double Speed จะสามารถชาร์จได้รวดเร็วกว่าแบบแรก และมีความปลอดภัยมากขึ้น ในขณะที่ยังสามารถถนอมการใช้งานแบตเตอรีได้ค่อนข้างดีอีกด้วย เนื่องจากวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าแบบ AC จะใช้กระแสไฟฟ้าสลับไป On Board Charger และแปลงเป็นกระแสตรงเข้าแบตเตอรีอีกทีหนึ่ง ทำให้ใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงเป็นวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับชาร์จที่บ้าน หรือที่ห้างมากกว่า
- แบบ DC (Direct Current)
วิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าแบบ DC (Direct Current) หรือ Quick Charge จะเป็นการชาร์จที่รวดเร็วมากที่สุด เพราะใช้ไฟฟ้ากระแสตรงเข้าสู่แบตเตอรีทันที โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาจาก 0-80% ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าที่แลกมาด้วยความรวดเร็วขนาดนี้ ก็ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี ให้เสื่อมสภาพเร็วลงด้วยเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีพร้อมให้บริการทุกรูปแบบ โดยเฉพาะวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าแบบ AC และ DC ที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้ด้วยความเร็วของการชาร์จประจุไฟที่ต่างกัน ทำให้มีอัตราค่าบริการชาร์จไฟฟ้าที่ไม่เท่ากัน รวมถึงช่วงเวลา On-Peak และ Off-Peak ที่จะมีค่าบริการเฉลี่ยตามความต้องการใช้งานไฟฟ้าไม่เท่ากันด้วย
ชาร์จแบตรถยนต์ ใช้เวลากี่ชั่วโมง
ชาร์จแบตรถยนต์ ใช้เวลากี่ชั่วโมง คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าที่เราเลือกใช้ โดยทั้ง 3 วิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าที่กล่าวไปด้านบนมีระยะเวลาที่แตกต่างกันดังนี้
- วิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าแบบธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 12-16 ชั่วโมง
- วิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าแบบรวดเร็ว AC (Alternating Current) ใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- วิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าแบบเร็วที่สุด DC (Direct Current) ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
สายชาร์จรถไฟฟ้าต่างกันอย่างไร
สายชาร์จรถไฟฟ้าต่างกันอย่างไร คำตอบ คือ หัวชาร์จที่ถูดสร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจำเพาะ ในปัจจุบัน<a href="https://www.nectec.or.th/news/news-public-document/evcharger-standard.html"rel="nofollow,noopener,noreferrer">มาตรฐานสายชาร์จรถไฟฟ้าของไทย
สามารถรองรับการใช้งานได้ค่อนข้างครบวงจรแล้ว โดยรายละเอียดลงลึกเกี่ยวกับสายชาร์จตามวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภท จะมีดังนี้
- แบบธรรมดา: จะเป็นสายชาร์จธรรมดาที่ติดมากับตัวรถ ซึ่งแบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ สายชาร์จที่มีหัวสำหรับทวีปอเมริกาเหนือกับประเทศญี่ปุ่น และแถบทวีปยุโรป แต่เป็นกระแสสลับและมีแรงดันไฟอยู่ในช่วง 120 V หรือ 240 V เท่ากัน
- แบบรวดเร็ว: สายชาร์จ AC Charging มี 2 ประเภทย่อยเช่นกัน คือ CCS Type 1 1 phase 32A 250 V นิยมใช้ในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ส่วนอีกแบบเป็น CCS Type 2 1 phase 70A 250V & 3 phase 63A 480 V นิยมใช้ในทวีปยุโรป
- แบบเร็วที่สุด: สายชาร์จ Quick Charger มี 2 แบบย่อย คือ CHAdeMo 200 A 600 V ใช้มากในรถญี่ปุ่น และ GB/T 250 A 750 V พัฒนาขึ้นในประเทศจีน
เมื่อเราเข้าใช้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ต้องเช็กวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะสม ต่อการรองรับของรถไฟฟ้าให้ดี เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้ตามต้องการ ประหยัดทั้งเวลา แถมได้ชาร์จไฟอย่างคุ้มค่า ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้อีกด้วย
EV Charger ยี่ห้อไหนดี
Ev Charger ยี่ห้อไหนดี คำตอบ คือ Pulsar Plus, Besen EV Charger, SIEMENS-EV Charger และ Enel X JuiceBox ส่วนรายละเอียดสเปก หรือการรีวิวแบบเบื้องต้น คนที่สนใจสามารถติดตามอ่านได้จากลิสต์รายการด้านล่างทั้งหมดนี้เลย
- Pulsar Plus: มีขนาดกะทัดรัด มีประสิทธิภาพในการชาร์จนสูงถึง 22 kW เหมาะอย่างมากกับการติดตั้งไว้ใช้งานที่บ้าน หรือลานจอดรถ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth ได้ด้วย เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานขึ้นมาเลยทีเดียว
- Besen EV Charger: เป็นแบบติดผนังที่รองรับการชาร์จไฟ 7.4 และ 22 kWh มาพร้อมสาย Type 2 ที่รับกำลังไฟได้แบบเต็มสเปกที่ให้มา มีระบบความปลอดภัยสูง สามารถติดตั้งได้ทั้งในที่ร่มหรือกลางแจ้ง และมีหน้าจอแสดงสถานะการใช้งานให้ด้วย
- SIEMENS-EV Charger: มีระบบป้องกันไฟรั่ว RCD มีขนาดให้เลือก 2 ขนาด ทั้ง 7.4 และ 22 kWh เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน และการใช้งานร่วมกับรถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดได้หลายรุ่นเลยทีเดียว
- Enel X JuiceBox: หากติดตั้งแบบ Single Phase จะให้กำลังไฟสูงสุดที่ 7.4 kWh Three Phase จะให้กำลังไฟได้สูงสุด 22 kWh มีระบบป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน และป้องกันไฟฟ้ารั่วได้อย่างควบคู่กัน
ทีนี้ทุกคนจะตัดสินใจเลือก ev charger ยี่ห้อไหนดี ก็แล้วแต่สเปกที่ตรงใจ หรือตอบโจทย์ต่อการใช้งานให้มากที่สุด แนะนำว่าติดต่อสอบถามไปทางผู้จัดจำหน่ายโดยตรงอีกทีหนึ่ง เพื่อรับรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งานเพิ่มเติม แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีก็ยังไม่สายเกินไป
แบตรถไฟฟ้า ราคาเท่าไหร่
แบตรถไฟฟ้า ราคาเท่าไหร่ คำตอบ คือ มีราคาเฉลี่ยโดยรวมที่ประมาณ 400,000 – 700,000 บาท หรืออาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับจำนวนโมดูลของแบตเตอรีแต่ละตัวรถยนต์ไฟฟ้า และราคาแต่ละโมดูลที่แตกต่างกันออกไปด้วย ปัจจุบันรถไฟฟ้าเพิ่งเข้ามาในประเทศไทยได้ไม่กี่ปี ทำให้เรายังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดเท่าไหร่นักว่าถ้าแบตเสื่อมสภาพต้องเปลี่ยนด้วยราคาเท่าไหร่ ดังนั้นหากเป็นไปได้ อย่าลืมเลือกวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยถนอมแบตเตอรีให้มีอายุการใช้งานยาวนานจะดีที่สุด
รถไฟฟ้า วิ่งได้กี่กิโล
รถไฟฟ้า วิ่งได้กี่กิโล ปัจจุบันพื้นฐานค่าเฉลี่ยของรถไฟฟ้าที่ออกมาในตลาดไทย จะสามารถเดินทางได้ไม่น้อยกว่า 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งแล้ว ซึ่งเป็นระยะทางที่เพียงพอต่อการเดินทางข้ามต่างจังหวัดใกล้เคียงได้แบบสบาย ๆ หรือหากต้องเดินทางไกลก็อาจต้องวางแผนการเดินทางให้ดี เลือกจุดชาร์จและวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม เพื่อให้เราสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นมากที่สุดนั่นเอง
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้งานรถไฟฟ้ามือใหม่ หรือใช้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว การทำความเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดตั้งแต่วิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงการถนอมแบตเตอรี ถือเป็นความรู้ติดตัวที่ดีอยู่แล้วสำหรับผู้ใช้งาน เพราะถ้าเรายิ่งเลือกวิธีชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม ก็ทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย แถมถนอมแบตเตอรีให้อยู่กับเราไปได้อีกนาน
สุดท้ายนี้ เอเชียไดเร็ค อยากขออนุญาตแนะนำประกันรถยนต์ ที่จะช่วยดูแลคุ้มครองตลอดเวลาการขับขี่ ให้คุณปลอดภัย และช่วยดูแลตัวรถได้เป็นอย่างดีมากที่สุด หากคุณกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ ลองเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ไลน์แอด @asiadirect หรือติดต่อโดยตรงได้ที่เบอร์ 02-089-2000 ทีมงานของเราจะพร้อมให้คำปรึกษาเป็นอย่างดีที่สุด
ความคุ้มครองรถประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท