ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถคืออะไร? แนะนำว่าคนใช้รถทุกวันต้องรู้
สำหรับผู้ที่ใช้รถใช้ถนน รวมถึงทำประกันรถยนต์เอาไว้ควรรู้จักกับคำว่าค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถเอาไว้ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จนทำให้เราไม่สามารถใช้งานรถยนต์ได้ตามปกติ ซึ่งค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ จะเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้ ผ่านการเรียกร้องจากคู่กรณีนั่นเอง
โดยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ เช่น คืออะไร, มีขั้นตอนอย่างไร, เอกสารที่ใช้มีอะไรบ้าง, ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ สูงสุดกี่วัน และมีอัตราขั้นต่ำอย่างไร ข้อมูลพื้นฐานทั้งหมดนี้ เอเชียไดเร็ค ได้เตรียมมานำเสนออย่างครบถ้วน ผ่านบทความนี้
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คืออะไร
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คือ เงินชดเชยหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ โดยที่หากเราเป็นฝ่ายถูก สามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ จากบริษัทประกันรถยนต์ของคู่กรณี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเดินทางในระหว่างที่เราไม่มีรถยนต์ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็กสภาพ หรือการซ่อม เป็นต้น
คำแนะนำเพิ่มเติม: ณ ที่เกิดอุบัติเหตุหากสรุปผลแล้วเราเป็นฝ่ายถูก โดยปกติแล้วตัวแทนประกันรถยนต์ของคู่กรณีจะทำการออกใบเคลมให้เรา ซึ่งเราต้องเก็บใบนั้นไว้กับตัวให้ดี เพื่อที่จะนำไปดำเนินการขอค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ จากบริษัทประกันของคู่กรณีต่อไป
ขั้นตอนการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
ขั้นตอนการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ เบื้องต้นจะมีทั้งหมด 5 ขั้นตอนด้วยกัน คือ แจ้งความประสงค์เบิกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ, รวบรวมเอกสาร, ตรวจสอบรายละเอียด, รอการติดต่อกลับ และรอรับค่าชดเชย ซึ่งรายละเอียดแต่ละขั้นตอน สามารถติดตามอ่านได้จากลิสต์รายการด้านล่าง
- ขั้นตอนที่ 1 การแจ้งความประสงค์เบิกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ผ่านบริษัทประกันรถยนต์ของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด ซึ่งการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ตรงนี้ ควรจะต้องอยู่ในระหว่างที่รถยนต์ของเรากำลังเข้ารับการซ่อมแซม
- ขั้นตอนที่ 2 รวบรวมเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่าย ระหว่างที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ให้ครบถ้วน เช่น ค่ารถเมล์ที่เราใช้เดินทาง, ค่ารถแท็กซี่ และค่ารถไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งเอกสารเหล่านี้ทั้งหมดจะนำมาเป็นหลักฐานเพื่อนำไปยื่นขอค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถนั่นเอง
- ขั้นตอนที่ 3 ตรวจสอบรายละเอียดหลักฐาน และเอกสารทั้งหมดที่เรารวบรวมมา ว่าถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ หลังจากตรวจเช็กเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการส่งต่อบริษัทประกันรถยนต์คู่กรณีต่อไป
- ขั้นตอนที่ 4 รอการติดต่อกลับจากบริษัทประกันของคู่กรณี เพื่อแจ้งการพิจารณาและประเมินเงินชดเชยที่เราจะได้รับ รวมถึงการต่อรองก็อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนนี้เช่นกัน
- ขั้นตอนที่ 5 หากบริษัทประกันรถยนต์ของคู่กรณีทำการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว เราจะได้รับเงินค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถภายใน 7 วันทำการของบริษัทประกัน
หากดูเผิน ๆ อาจจะเห็นได้ว่าขั้นตอนการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก และใช้เวลานานพอสมควร แต่ลองคิดเล่น ๆ ว่าหากเราไม่ได้ใช้งานรถนานถึง 7 วัน ซึ่งมีช่วงวันเวลาที่ต้องเดินทางไปทำงานด้วย เราต้องเสียค่าเดินทางมากเท่าไหร่ ดีไม่ดีรวมแล้วอาจเสียเงินเป็นพันโดยใช่เหตุ ซึ่งหากเราสามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถได้ ก็จะมีเงินชดเชยมาช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนนี้ได้นั่นเอง
เอกสารที่ใช้เรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
เอกสารที่ใช้เรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ เบื้องต้นจะมีทั้งหมด 10 รายการดังนี้
ใบเคลมที่ได้รับจากบริษัทประกันคู่กรณี
เอกสารที่ยืนยันการนำรถยนต์เข้าซ่อม โดยมีระบุวันส่งรถ และวันรับรถอย่างชัดเจน
สำเนาทะเบียนรถยนต์
สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
สำเนาบัตรประชาชน
สำเนาใบขับขี่รถยนต์
เอกสารประกอบการใช้รถยนต์ในแต่ละวัน (หากมี)
ใบเสร็จค่าเช่ารถ หรือค่าใช้จ่ายการเดินทางในระหว่างที่ไม่มีรถยนต์ใช้งาน (หากมี)
สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร
หนังสือเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
หลังจากที่เราเตรียมเอกสารเพื่อเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถอย่างครบถ้วน โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทประกันจะให้คุณส่งเอกสารไปที่บริษัท เพื่อทำการพิจารณาต่อไป หากพิจารณาเสร็จแล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการแจ้งค่าชดเชย รวมถึงการต่อรองด้วยเช่นกัน
คำแนะนำเพิ่มเติม: เอกสารประกอบอย่างใบเสร็จค่าเช่ารถ หรือค่าใช้จ่ายการเดินทางที่สามารถยืนยันได้ว่าเรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้รับเงินชดเชยค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ โดยไม่น้อยกว่าภาระที่เพิ่มเติมเข้ามา
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ สูงสุดกี่วัน
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ สูงสุดกี่วัน คำตอบ คือ ในขั้นพื้นฐานแล้วบริษัทประกันทั่วไปจะทำการพิจารณาที่ประมาณ 15-20 วันเท่านั้น เว้นแต่ว่าหากเรานำรถยนต์เข้าซ่อมแล้วทางศูนย์บริการใช้เวลามากกว่านั้น โดยมีหลักฐานยืนยันชัดเจนจากศูนย์ว่าไม่สามารถซ่อมเสร็จภายในเวลา 15-20 วัน เราสามารถยื่นคำร้องเพื่อให้พิจารณาค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถอีกครั้ง ซึ่งสามารถยืดได้สูงสุดถึง 120 วัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณา และการประเมินของแต่ละบริษัทประกันอีกทีหนึ่ง
อัตราขั้นต่ำค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
อัตราขั้นต่ำค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ จะแบ่งได้ออกเป็น 4 กรณีย่อยในเรื่องของการจ่ายเงินชดเชยตามการพิจารณาที่แตกต่างกันไปดังนี้
- รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท
- รถยนต์รับจ้างสาธารณะไม่เกิน 7 ที่นั่ง ไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท
- รถยนต์ขนาดมากกว่า 7 ที่นั่ง ไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท
- รถประเภทอื่นที่ไม่เข้าข่ายทั้ง 3 ประเภทด้านบน ให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องที่สามารถตกลงกันได้ โดยเริ่มต้นจากการพิจารณาตามหลักฐาน เช่น เอกสารประกอบการใช้รถในแต่ละวัน และเอกสารหลักฐานค่าเดินทาง เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอัตราขั้นต่ำที่ทางบริษัทประกันจะจ่ายค่าชดเชยให้กับเรา โดยอ้างอิงจากวันส่งรถและรับรถหลังจากซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย ส่วนระยะเวลาการได้เงินชดเชยก็จะอยู่ที่ประมาณ 7 วันทำการ ดังที่ได้แจ้งไปแล้วบนหัวข้อก่อนหน้านี้
ขั้นตอนการแจ้ง คปภ. เพื่อเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์
ในกรณีที่เราส่งรถยนต์เข้าซ่อมและใช้เวลานานเกินกว่าการพิจารณาของบริษัทประกัน หากเราต้องการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์เพิ่มเติม เราสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
ติดต่อ คปภ.
- โทรศัพท์: 1186 หรือ 0-2515-3999
- คปภ. จะใช้เวลาประมาณ 10-15 วัน ในการดำเนินการเรียกบริษัทประกันมาเจรจากับผู้ร้องขออีกครั้ง
การเจรจาและการประเมินค่าชดเชย
- คปภ. จะช่วยเจรจาเรื่องเงินชดเชยขั้นต่ำที่ 500, 700 หรือ 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน
- คปภ. จะช่วยไกล่เกลี่ยโดยเฉพาะเรื่องหลักเกณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงวันส่งและรับรถ
การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
- ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถที่เราจะได้รับ ขึ้นอยู่กับการเจรจากับทางบริษัทประกัน
- คปภ. ไม่สามารถบังคับหรือกำหนดการจ่ายเงินชดเชยได้
ความสำคัญของการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นบนท้องถนนและเราต้องส่งรถเข้าซ่อม นอกจากการเรียกร้องให้ประกันของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดช่วยดูแลเรื่องค่าซ่อมรถแล้ว อย่าลืมเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถด้วย ในช่วงเวลาที่รถเราเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการ เราจะไม่สามารถใช้รถได้ ซึ่งสามารถเรียกค่าชดเชยในส่วนนี้ได้
เพื่อไม่ให้อุบัติเหตุที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต เข้ามาทำให้ผู้ใช้รถอย่างคุณต้องปวดหัว เอเชียไดเร็ค แนะนำว่าให้เลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมต่อการใช้งานติดไว้จะดีที่สุด เพราะนอกจากการช่วยดูแลคุ้มครองทั้งรถยนต์ ผู้โดยสาร และผู้ขับขี่เช่นคุณแล้ว ประกันรถยนต์บางตัวเลือกยังช่วยดูแลคุ้มครองคู่กรณีให้อีกด้วย แบบนี้จะขับขี่ไปไหนก็อุ่นใจได้ตลอดเวลา
นอกเหนือจากนั้นทาง เอเชียไดเร็ค ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษ เช่น ส่วนลดสูงสุดถึง 70% แถมยังเลือกผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือน โอกาสดีแบบนี้ไม่ควรพลาด ติดต่อเข้ามาได้เลยที่ 02-089-2000 ติดต่อได้ 24 ชั่วโมง
ความคุ้มครองรถประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท