อู่ในเครือไทยวิวัฒน์

ประกันรถยนต์แต่ละประเภทคุ้มครองอะไร

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

วิธีการค้นหาอู่ในเครือไทยวิวัฒน์?

สามารถเลือกค้นหาได้จากในแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor หรือคลิกดูข้อมูลและค้นหาอู่ในเครือไทยวิวัฒน์ใกล้ฉันจากเว็บไซต์ของไทยวิวัฒน์ประกันภัยได้เลยทันที นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาอู่ในเครือไทยวิวัฒน์ใกล้ฉันได้ตามประเภทอู่ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการค้นหา ไม่ว่าจะเป็นอู่ในสัญญา อู่นอกสัญญา ศูนย์ในสัญญา หรือศูนย์ทั่วประเทศ เป็นต้น

จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์ไทยวิวัฒน์มีอะไรบ้าง?

  • มีบริการจากอู่ในเครือไทยวิวัฒน์หลายแห่งทั่วประเทศมากกว่า 1,000 แห่ง เช่น อู่ในเครือไทยวิวัฒน์ สมุทรปราการหรือ อู่ในเครือไทยวิวัฒน์ใกล้ฉัน เป็นต้น
  • บริษัทมีความมั่นคง มีชื่อเสียง และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างยาวนาน
  • มีบริการที่หลากหลาย เทคโนโลยีทันสมัย ดูแลได้อย่างครอบคลุม ตอบโจทย์ผู้ที่ใช้รถได้เป็นอย่างดี
  • มีบริการฉุกเฉินที่พร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ อีเมล หรือแช็ตออนไลน์ อีกทั้งพนักงานยังไปถึงที่จุดเกิดเหตุเร็วใน 30 นาที จึงสามารถทำเรื่องเคลมได้ไวและทันใจผู้ถือประกันด้วย
  • มีระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบ MobileTracking ระบบ Thaivivat Smart Solution หรือการรูดจ่ายค่ารักษาพยาบาลผ่านบัตรเครดิตได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องมีการสำรองจ่าย

ประกันรถยนต์เปิดปิดไทยวิวัฒน์คืออะไร?

สำหรับการใช้บริการประกันรถยนต์เปิดปิดไทยวิวัฒน์ของอู่ในเครือไทยวิวัฒน์ใกล้ฉัน นั้นจะเป็นแผนประกันภัยรถยนต์ที่ลูกค้าจะจ่ายค่าเบี้ยประกันตามเวลาที่ขับรถจริงด้วย TVI Connect หากไม่ได้ขับรถก็จะไม่ได้นับเวลานั่นเอง จึงทำให้ช่วยประหยัดในเรื่องของค่าเบี้ยประกันภัยไปได้มากถึง 70% สามารถสมัครได้ผ่านทาง Call Center ที่เบอร์ 02-200-7000 หรือทางเว็บไซต์ www.thaivivat.co.th 

โดยที่ แผนความคุ้มครองของประกันรถยนต์เปิดปิดไทยวิวัฒน์ นั้นจะเหมือนกับประกันภัยรถยนต์ทั่วไปเลย ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ หรือประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ โดยจะมีให้เลือกทั้งแบบเหมาจ่ายและแบบ Top-up ดังนี้

 

  1. ประกันรถเปิดปิด แบบแพ็กเกจ เหมาจ่าย สำหรับประกันรถยนต์เปิดปิดนั้นจะมีการจัดวันและชั่วโมงในการคุ้มครองไว้ให้ตามการใช้งานของลูกค้าอย่างเหมาะสม โดยจะมีอัตราเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 600 บาทเท่านั้น โดยการเลือกซื้อแพ็กเกจแบบ 4 เดือนขึ้นไป ทางลูกค้าจะได้รับอุปกรณ์เปิดปิดประกันภัยอัจฉริยะ TVI Connect ฟรี และสำหรับราคาเบี้ยประกันก็จะขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ อายุรถยนต์ ทุนประกัน ประเภทประกันภัย การเลือกซ่อมอู่หรือศูนย์ และระยะเวลาในการคุ้มครองด้วย ดังนี้
     

 

แพ็กเกจ(แบบเหมาจ่าย)

ประกันรถยนต์ชั้น 1 

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันรถยนต์ชั้น 3+

1 เดือน

เริ่มต้น 1,000 บาท

เริ่มต้น 650 บาท

เริ่มต้น 600 บาท

3 เดือน

2,300 บาท

1,500 บาท

1,300 บาท

4 เดือน

2,800 บาท

1,900 บาท

1,700 บาท

6 เดือน

4,000 บาท

2,300 บาท

2,300 บาท

12 เดือน

7,200 บาท

4,400 บาท

4,000 บาท

 

หมายเหตุ

  • แพ็กเกจ 1 เดือน (144 ชั่วโมงใน 30 วัน)
  • แพ็กเกจ 3 เดือน (360 ชั่วโมงใน 90 วัน)
  • แพ็กเกจ 4 เดือน (480 ชั่วโมงใน 120 วัน)
  • แพ็กเกจ 6 เดือน (600 ชั่วโมงใน 180 วัน)
  • แพ็กเกจ 12 เดือน (960 ชั่วโมงใน 365 วัน)


2. ประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up เติมชั่วโมงได้ จะเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อความคุ้มครองเป็นรายชั่วโมง โดยจะมีขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 50 ชั่วโมง และจะสามารถใช้งานได้สูงสุดนานถึง 365 วัน นอกจากนี้ยังมี Top-up แผน 2 ปี คือจะสามารถใช้งานได้สูงสุดนานถึง 730 วัน โดยจะมีขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 70 ชั่วโมง
 

ประกันภัยรถยนต์
ชั้น 1

ประกันภัยรถยนต์
ชั้น 2+

ประกันภัยรถยนต์
ชั้น 3+

ราคาเบี้ยเริ่มต้น 7,900 บาท
Top-up ครั้งละ 890 บาท

ราคาเบี้ยเริ่มต้น 4,500 บาท
Top-up ครั้งละ 650 บาท

ราคาเบี้ยเริ่มต้น 4,300 บาท
Top-up ครั้งละ 650 บาท

ประกันรถยนต์เปิดปิดไทยวิวัฒน์แบบแพ็กเกจ และแบบ Top-up ต่างกันอย่างไร?

สำหรับประกันรถยนต์เปิดปิดแบบแพ็กเกจนั้นจะอยู่ในรูปแบบของการเหมาจ่าย ดังนั้นผู้ขับควรทราบเวลาในการใช้รถที่แน่นอน เนื่องจากจำนวนชั่วโมงในการขับรถนั้นจะขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่ผู้ถือประกันได้เลือกเอาไว้ แต่ในส่วนของประกันรถยนต์เปิดปิดแบบ Top-up นั้นจะอยู่ในรูปแบบของการเติมชั่วโมงได้ เพราะฉะนั้นความคุ้มครองจึงจะเพิ่มไปตามการใช้รถของผู้ขับ จึงมีความยืดหยุ่นมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถน้อย และไม่ทราบจำนวนชั่วโมงในการใช้รถที่แน่ชัดนั่นเอง

วิธีการเปิดปิดประกันรถยนต์ไทยวิวัฒน์

อุปกรณ์ TVI Connect นั้นจะสามารถเปิดปิดได้แบบอัตโนมัติจากการสตาร์ทและดับรถยนต์ โดยจะต้องทำการเสียบอุปกรณ์เข้าไปที่ช่อง USB ในรถยนต์ และหลังจากนั้นเราสามารถดูข้อมูลหรือตรวจสอบชั่วโมงการใช้งานได้จากในแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor โดยที่ไม่ต้องเปิดหน้าแอปพลิเคชันทิ้งไว้ตลอดเวลา เนื่องจากประกันจะเปิดความคุ้มครองให้โดยอัตโนมัติผ่านอุปกรณ์ TVI Connect ซึ่งลูกค้าสามารถทำการต่ออายุกรมธรรม์ เติมชั่วโมงความคุ้มครอง หรือชำระเบี้ยประกันภัยได้จากในแอปพลิเคชันนี้ได้เลย โดยแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor นั้นจะสามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store (iOS) หรือ Play Store (Android)

ขั้นตอนการแจ้งเคลมประกันรถยนต์ไทยวิวัฒน์ จะต้องทำอย่างไรบ้าง?

เบื้องต้นสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินจากการเกิดอุบัติเหตุได้จากในแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor โดยการกดปุ่มแจ้งเหตุฉุกเฉิน ลูกค้าก็จะสามารถติดต่อกับพนักงานได้โดยทันที หรือติดต่อที่เบอร์ 1231 ซึ่งสำหรับการเรียกเคลมประกันนั้นจะมีทั้งหมด 2 รูปแบบ  ได้แก่

 

  1. การแจ้งเคลมประกันรถยนต์แบบสด
    จะเป็นการเคลมรถในที่เกิดเหตุเลย โดยจะมีพนักงานของบริษัทประกันภัยไปตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุทันที ซึ่งจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คือ
               - มีคู่กรณี คือ รถชนรถด้วยกันเอง
               - ไม่มีคู่กรณี คือ รถชนวัตถุหรือสิ่งของจนเกิดเป็นความเสียหายขึ้นมา
    โดยขั้นตอนการเคลมประกันนั้น อันดับแรกให้เตรียมกรมธรรม์และเอกสารสำคัญต่าง ๆ เพื่อโทรแจ้งข้อมูลกับทางศูนย์ประกัน ส่วนรายละเอียดเหตุการณ์นั้นจะมีพนักงานของบริษัทประกันภัยไปตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุและจะมีการประเมินเหตุการณ์เกิดขึ้น และหลังจากนั้นทางผู้ถือประกันจึงจะนำรถไปซ่อมที่อู่ในเครือไทยวิวัฒน์ใกล้ฉัน หรืออู่ซ่อมรถไทยวิวัฒน์ โดยถือใบประเมินความเสียหายที่ได้รับมาจากพนักงานไปยื่นเรื่องเคลมได้เลยทันที
     
  2. การแจ้งเคลมประกันรถยนต์แบบแห้ง
    จะเป็นการเคลมรถหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุไปแล้วประมาณ 1-2 วัน ซึ่งมักจะเป็นการเกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ และจะสามารถเคลมได้เฉพาะในประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ตามเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์เท่านั้น ส่วนขั้นตอนในการเคลมประกันนั้น อันดับแรกให้ผู้ถือประกันถ่ายรูปความเสียหาย สถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งระบุวันที่และเวลาเกิดเหตุให้ชัดเจน เพื่อแจ้งไปยังศูนย์ประกันและนัดให้พนักงานเข้ามาตรวจสอบดูความเสียหายที่เกิดขึ้น และหลังจากนั้นทางผู้ถือประกันจึงจะนำรถไปซ่อมที่อู่ในเครือไทยวิวัฒน์ใกล้ฉัน หรืออู่ไทยวิวัฒน์ โดยถือใบประเมินความเสียหายที่ได้รับมาจากทางบริษัทประกันภัยไปยื่นเรื่องเคลมได้เลยทันที

กรณีใดบ้างที่ประกันภัยรถยนต์ไทยวิวัฒน์จะไม่ได้ให้ความคุ้มครอง?

  • ใช้รถยนต์ในทางที่ผิดประเภท เช่น นำรถยนต์ไปแต่งเพื่อแข่งขัน และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น รวมถึงการนำไปใช้ลากจูงสิ่งของจนทำให้เกิดความเสียหายขึ้นมา เป็นต้น
  • ใช้รถยนต์ในทางที่ผิดกฎหมาย เช่น ใช้รถยนต์ในการขนส่งยาเสพติด หรือการปล้นจี้ชิงทรัพย์ เป็นต้น
  • อุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ หรือมีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดเกินกว่า 150 มิลลิกรัม
  • อุบัติเหตุจากสงคราม การปฏิวัติต่อต้าน อาวุธปรมาณู และกัมมันตภาพรังสี
  • การนำรถออกนอกประเทศ หรือนำไปใช้นอกอาณาเขตคุ้มครอง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้