8 พฤติกรรมทำร้ายรถ ที่คุณอาจทำโดยไม่รู้ตัว
รถถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวันในการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เมื่อใช้รถเป็นเวลานานย่อมมีการสึกหรอและเสื่อมสภาพเป็นธรรมดา แต่ทางที่ดีต้องควรดูแลรักษาควบคู่ไปกับการใช้งานด้วย เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานออกไป ซึ่งการดูแลรักษานั้นจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น วันนี้ เอเชียไดเร็ค นำ 8 พฤติกรรมทำร้ายรถมาบอกกันค่ะ ถ้าไม่อยากให้รถของคุณมีอาการสึกหรอก่อนเวลาอันควรต้องเลิกพฤติกรรมดังนี้
1. ไม่สนใจไฟเตือนบนหน้าปัด
ไฟเตือนบนหน้าปัดถือเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะไฟเตือนที่เป็นสีเหลืองและสีแดง ซึ่งไฟเตือนสีแดงมักหมายถึงระบบที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อน และระบบความปลอดภัย หากมีสัญญาณไฟตัวไหนสว่างขึ้น ควรตรวจสอบกับคู่มือทันทีว่าเกิดปัญหาอะไร แต่หากเป็นไฟรูปเครื่องยนต์ ควรรีบนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการทันที เพื่อให้ช่างทำการตรวจสอบต่อไป หากปล่อยเอาไว้อาจเกิดปัญหาลุกลามบานปลายได้
2. เหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงขณะเครื่องเย็น
หลายคนเดินทางไปทำงานตอนเช้า พอสตาร์ทเครื่องยนต์ปุ๊ป ก็ออกเดินทางโดยใช้ความเร็วสูงทันที ซึ่งการสตาร์ทเครื่องยนต์ตอนเช้าหลังจากที่จอดรถทิ้งไว้ทั้งคืนนั้น น้ำมันเครื่องยังไปหล่อเลี้ยงส่วนประกอบภายในเครื่องยนต์ได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดการเสียดสีอย่างรุนแรง รวมถึงอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ยังคงเย็นอยู่เช่นกัน ทางที่ดีควรเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ จนกว่าไฟเตือนน้ำหล่อเย็นสีน้ำเงินดับลง หรือจนกว่าเข็มวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นขึ้นมาใกล้ระดับกึ่งกลางมาตรวัด
3. ไม่ยอมใช้เบรกมือขณะจอดรถบนทางลาด
เมื่อจอดรถบนทางลาดควรใช้เบรกมือก่อนเข้าเกียร์ P ทุกครั้ง เพราะถ้าคุณไม่ดึงเบรกมือก่อนเข้าเกียร์ P สลักเกียร์หรือตัวล็อกเฟืองขับหลัก (Parking Pawl) ซึ่งมีขนาดใหญ่ราวหัวแม่มือจะต้องรับภาระน้ำหนักรถทั้งคันเอาไว้ จึงไม่เป็นผลดีกับระบบเกียร์ และส่งผลให้อุปกรณ์เสียหายต้องจ่ายเงินซ่อมเร็วขึ้น
4. ออกตัวอย่างรุนแรง
การออกตัวอย่างรุนแรงหรือรวดเร็วนั้นอาจดูเร้าใจก็จริง ซึ่งนอกจากจะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแล้วยังสร้างภาระหนักให้กับชุดระบบส่งกำลังทั้งหมด และยิ่งเร่งไปได้ไม่ไกลแล้วต้องเบรกก็จะทำให้ระบบเบรก เช่น ผ้าเบรก รวมถึงโรเตอร์ทำงานหนักอีก ทั้งนี้หากไม่อยากจ่ายค่าซ่อมหรือบำรุงรักษาเร็วกว่ากำหนดควรขับรถอย่างนุ่มนวลจะดีที่สุด
5. คิกดาวน์บ่อยครั้ง
การคิกดาวน์ คือ การเร่งความเร็วโดยเพิ่มน้ำหนักคันเร่ง จนกระทั่งเกียร์มีการเปลี่ยนอัตราทดไปยังต่ำแหน่งที่ต่ำกว่า ซึ่งช่วยเรียกแรงม้าและแรงบิดให้รถพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่การคิกดาวน์บ่อยๆนั้น จะก่อให้เกิดผลเสียกับระบบเกียร์ในระยะยาว เนื่องจากชุดเฟืองต้องรับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้อายุการใช้งานเกียร์สั้นลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนจริงๆ ก็ควรข้บไปเรื่อยๆดีกว่า
6. การเปลี่ยนเกียร์ถอยหลังเดินหน้าทันที โดยไม่รอให้รถหยุดสนิท
สำหรับพฤติกรรมแย่ ๆ ทำร้ายรถนี้อาจเกิดขึ้นกับเกียร์ธรรมดาได้มากกว่าเกียร์อัตโนมัติ โดยการรีบร้อนเปลี่ยนเกียร์ถอยหลังเพื่อเดินหน้า หรือจากเดินหน้าเพื่อถอยหลังโดยไม่รอให้หยุดสนิทเสียก่อนเป็นการกระทำที่ชัดเจนว่าทำลายระบบขับเคลื่อนและส่งกำลังโดยตรง หากไม่อยากเปลี่ยนเกียร์หรือต้องซ่อมแซมชุดเกียร์ ซึ่งอาจลามไปเครื่องยนต์รวมถึงเพลาขับ รีบแค่ไหนควรรอให้รถหยุดสนิทก่อนทุกครั้ง
7. ลุยน้ำท่วมสูงเกินไป
แม้ว่าบางครั้งจะหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านที่ที่มีน้ำท่วมขังไม่ได้ แต่ก็ควรที่จะเลือกใช้เลยที่มีน้ำท่วมขังตื้นที่สุด เพราะน้ำจำนวนมากอาจถูกดูดเข้าไปยังห้องเครื่องยนต์ทำให้ก้านสูบหัก และอาจทำให้น้ำเข้าไปยังห้องเกียร์ได้อีกต่างหาก
8. บรรทุกของหนักเกินไป
การบรรทุกของหนักเกินไปหรือบ่อยครั้งส่งผลให้เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบกันสะเทือน และเบรกทำงานหนักรวมไปถึงสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ ดังนั้นควรทำให้รถของคุณแบกน้ำหนักน้อยที่สุด โดยหลีกเลี่ยงการขนของหนักบ่อยๆ ซึ่งนอกจากทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงแล้วยังทำให้รถของคุณใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วย
เหล่านี้คือ 8 พฤติกรรมที่ทำร้ายรถ หากยังไม่หยุดจะทำให้รถเสียหรือรถพังได้ง่าย ดังนั้นไม่เพียงแต่ขับรถเก่งแล้ว ยังต้องรู้จักวิธีดูแลรถเพื่อให้รถยนต์ของคุณสามารถใช้ งานได้อย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม อย่าลังเลที่จะซื้อประกัยรถยนต์ของ เอเชียไดเร็ค โบรคเกอร์ ติดตัวไว้สักฉบับ เพราะเรามีแผนประกันรถยนต์มากมายจากบริษัทประกันภัยชั้นนำให้คุณได้เลือกสรร เช่น กรุงเทพประกันภัย ธนชาตประกันภัย เมืองไทยประกันภัย และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง หากสนใจ โทรเลย 02-089-2000
เป็นนักเขียนด้านรถยนต์และประกันยานยนต์ที่ Asia Direct และมีประสบการณ์ในการเขียนมากมาย ได้ฝากผลงานในหลากหลายรูปแบบที่เน้นด้านบริหารร่างกายและจิตใจไว้ที่ Rabbit Care เช่นกัน