น้ัำมันเครื่อง มีอะไรบ้าง? มีวิธีตรวจเช็คระดับน้ำมันสำหรับรถยนต์ยังไงบ้าง?
การตรวจเช็ครถยนต์นั้น เป็นเรื่องง่ายที่คุณสามารถทำได้เบื้องต้นด้วยตัวคุณเอง เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของรถไปได้อีกยาวนาน และสามารถใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การตรวจเช็คระดับน้ำมัน ต่างๆของรถก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะทุกอะไหล่ชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์ต่างต้องใช้น้ำมันในการทำงานเหมือนกับเครื่องยนต์ รวมถึงเครื่องยนต์โดยตรง วันนี้ เอเชียไดเร็ค นำวิธีตรวจเช็คมาบอกทุกคนดังนี้
1. ระดับน้ำมันเบรก
วิธีสังเกตดูง่าย ๆ เวลาเปิดกระโปรงหน้ารถเราจะเห็นกระปุกน้ำมันเบรกมีคำว่า MAX และ MIN แน่นอนว่าระดับน้ำมันเบรกต้องอยู่ที่ระดับ MAX เสมอ หากน้ำมันเบรกตกไปอยู่ที่ระดับ MIN สาเหตุที่เป็นไปได้ ที่มีผลทำให้ปริมาณน้ำมันเบรกในกระปุกน้ำมันเบรก ลดลงต่ำลงมี 2 ข้อ คือ อาจมีการรั่วของน้ำมันเบรกออกจากระบบเบรก หรือผ้าเบรกอาจสึกหรอทำให้ระดับน้ำมันเบรกจะลดลงน้อย
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรเปลี่ยนทุก ๆ 1-2 ปี หรือ ทุก ๆ 60,000 กิโลเมตร หากใครใช้รถเยอะโดยเฉพาะนำรถขึ้นเขาบ่อย ๆ หากรถยนต์ของคุณใช้น้ำมันเบรคที่ไม่มีคุณภาพ ผิดประเภท จะทำให้ส่งผลเสียต่อเบรคของคุณได้ เช่น เบรคจม เป็นต้น การเลือกน้ำมันเบรคสามารถเลือกจากมาตรฐานน้ำมันเบรครถยนต์ เช่น DOT 3, DOT 4 เป็นต้น มากไปกว่านั้นควรเลือกจากประเภทของน้ำมันเบรค เช่น น้ำมันที่ผลิตจากสารสังเคราะห์, น้ำมันที่ผลิตจากน้ำมันแร่, หรือ น้ำมันที่ผลิตจากซิลิโคน
2. ระดับน้ำมันคลัทช์
ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันคลัทช์ จะมีคำว่า MAX กับ MIN ระดับน้ำมันคลัชท์ ควรอยู่ที่ระดับ MAX เสมอ ถ้าพบว่าระดับ น้ำมันคลัทช์ในกระปุกลดลงต่ำลง ควรนำรถเข้าศูนย์ บริการ เพื่อตรวจเช็คหาสาเหตุ
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมบางคู่มือของรถยนต์บอกว่า ให้เปลี่ยนแค่น้ำมันเบรคเพียงอย่างเดียวพอ นั่นเพราะว่าน้ำมันเบรคส่งผลต่อความปลอดภัย แต่น้ำมันคลัทช์ไม่ได้ส่งผลต่อความปลอดภัยของรถยนต์ในขณะที่ขับขี่เพียงแต่อาจทำให้เกิดสนิมในตัวแม่ปั๊มและลูกปั๊มได้ อย่างไรก็ตามก็อยากแนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกันไปเลยดีกว่า
3. ระดับน้ำมันเกียร์ออโต
ควรตรวจเช็คขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยการการดึงก้านวัด น้ำมันเกียร์ออโต้ ออกแล้วเช็คด้วยการดึงก้านวัดออกมาและเสียบกลับลงไปใหม่ จากนั้นให้ดึงออกมาอีกครั้งสังเกตระดับ น้ำมันเกียร์ที่ปลายด้าม หากระดบน้ำมันเกียร์อยู่ที่ขีด F แสดงว่าระดับ น้ำมันเกียร์ยังใช้งานได้ปกติ
โดยทั่วไปแล้วน้ำมันเกียร์ มีหน้าที่ช่วยลดความเสียดทานของเกียร์ ช่วยให้เกียร์ในรถยนต์ของคุณได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลมากขึ้น ไม่กระตุก แต่เมื่อใช้รถไปนาน ๆ อาจทำให้เกียร์เกิดการเสื่อมสภาพลงได้ ดังนั้นทางที่ดีคุณควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร หรือทุก ๆ 2 ปี ในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ จะใช้ไม่เกิดครึ่งของวน้ำมันทั้งหมด
4. ระดับน้ำมัน POWER
ควรตรวจเช็คขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการหมุนฝาปิดกระปุกน้ำมัน POWER จะติด อยู่กับฝากระปุกน้ำมัน POWER ที่ก้านวัดจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้าน หากวัดตอนที่ เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ให้ดูด้าน COLD ถ้าวัดตอนเครื่อง ร้อนให้ดูด้าน HOT ถ้าเป็นรุ่นใหม่ให้ดูที่กระปุกน้ำมัน POWER จะเป็นพลาสติกใส ที่กระปุกจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้าน และมีขีดระดับ MAX กับ MIN อยู่ด้วย แน่นอนว่าเราต้องหมั่นคอยดูให้ระดับน้ำมันอยู่ที่ MAX ตลอด
น้ำมันต่าง ๆ เหล่านี้ ก็มีผลต่อการใช้รถยนต์ไม่แพ้น้ำมันเครื่อง ดังนั้น ควรตรวจเช็คเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม และทำให้อยู่ในระดับที่ปกติอยู่เสมอ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของรถเราให้มีประสิทธิภาพพร้อมตลอดการใช้งาน นอกจาก การดูแลรถยนต์แล้ว อีกเรื่องที่สำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ คือ การทำประกันภัยรถยนต์ เป็นอีกตัวช่วยที่เพิ่มความปลอดภัยทั้งรถและบุคคลในรถ ซื้อกับ เอเชียไดเร็ค สามารถได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 70 % มีเงินชดเชยค่ากลับบ้านให้ แถมยังมีศูนย์ซ่อมทั่วประเทศไทย หากสนใจโทรเลยที่ 02-089-2000
เป็นนักเขียนด้านรถยนต์และประกันยานยนต์ที่ Asia Direct และมีประสบการณ์ในการเขียนมากมาย ได้ฝากผลงานในหลากหลายรูปแบบที่เน้นด้านบริหารร่างกายและจิตใจไว้ที่ Rabbit Care เช่นกัน